xs
xsm
sm
md
lg

สภาผู้แทนราษฎรอังกฤษค้านแผนโจมตี “ซีเรีย” มีแววสหรัฐฯ ต้อง “ลุยเดี่ยว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นักเคลื่อนไหวชาวอังกฤษชูแผ่นป้ายคัดค้านไม่ให้รัฐบาลอังกฤษส่งทหารเข้าไปโจมตีซีเรีย เมื่อวานนี้(29)
เอเอฟพี - สภาผู้แทนราษฎรอังกฤษลงมติไม่รับข้อเสนอของนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ซึ่งต้องการให้ส่งกำลังทหารเข้าโจมตีซีเรีย วานนี้ (29) ทำให้สหรัฐฯมีแนวโน้มว่าจะต้อง “ลุยเดี่ยว” เพื่อตอบโต้การใช้อาวุธเคมีสังหารหมู่ประชาชนซีเรียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ทำเนียบขาวออกมาประกาศจุดยืนทั้งก่อนและหลังทราบมติของสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษว่า อเมริกาพร้อมที่จะปฏิบัติการตอบโต้ฝ่ายเดียว แม้ไม่มีมติรับรองจากยูเอ็น หรือแรงหนุนจากประเทศพันธมิตรก็ตาม

“เราได้ทราบมติของสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษเมื่อคืนนี้... แต่อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า การตัดสินใจของประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะมองที่ผลประโยชน์สูงสุดของสหรัฐฯ เป็นหลัก” แคทลิน เฮย์เดน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุ

“ท่านประธานาธิบดีเชื่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในซีเรียส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์หลักของสหรัฐฯ และประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมายนานาชาติว่าด้วยการใช้อาวุธเคมี จะต้องรับผิดชอบ”

ก่อนหน้านั้น บรรดานักการทูตอังกฤษก็ไม่สามารถโน้มน้าวให้ที่ประชุม 5 สมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สนับสนุนมาตรการทางทหารลงโทษซีเรียได้

นายกฯ คาเมรอน ออกมาเปิดใจว่า “ผมเข้าใจชัดเจนว่า รัฐสภาอังกฤษซึ่งเป็นผู้แทนประชาชน ไม่ต้องการเห็นการตอบโต้ด้วยวิธีทางทหาร ผมเข้าใจดี และรัฐบาลก็จะปฏิบัติตามนั้น”

เสียงคัดค้านจากทั้งรัฐสภาอังกฤษและยูเอ็นแทบจะเป็นการตอกฝาโลงแผนการของตะวันตกที่จะผนึกกำลังสั่งสอนอัสซาด แม้ว่าพันธมิตรอื่นๆ ของสหรัฐฯ อาจจะยังพร้อมร่วมมือด้วยก็ตาม

ในการประชุมรอบที่ส 2 นับตั้งแต่อังกฤษเสนอร่างมติคณะมนตรีความมั่นคงฯ ซึ่งจะเป็นการเปิดทางสำหรับใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นสำหรับปกป้องพลเรือนซีเรีย หลังเกิดเหตุสังหารหมู่พลเรือนหลายร้อยศพด้วยอาวุธเคมีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้แทนจากอังกฤษ, จีน, ฝรั่งเศส, รัสเซีย และสหรัฐฯ ใช้เวลาหารือกันแค่ 45 นาที และเมื่อเสร็จสิ้นการประชุมก็ไม่มีใครยอมให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเลย

ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวว่าสหรัฐฯ และตะวันตกกำลังเตรียมโจมตีซีเรียอย่างแน่นอนในอีกไม่กี่วันนี้ แต่ท้ายที่สุดก็มาเจอ “ตอ” เมื่อมีการตั้งคำถามว่า ข่าวกรองเรื่องทหารอัสซาดใช้แก๊สพิษฆ่าประชาชนนั้น น่าเชื่อถือพอหรือไม่

ขณะนี้สหรัฐฯ มีเรือรบพร้อมขีปนาวุธแบบร่อนนับร้อยลูกประจำการอยู่ทางฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และเพนตากอนเองก็ยืนยันว่า พร้อมปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายในซีเรียได้ทุกเมื่อ ขอเพียงได้รับ “ไฟเขียว” จากประธานาธิบดีโอบามาเท่านั้น

รัสเซียซึ่งเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นของอัสซาด ยังคงใช้อิทธิพลในยูเอ็นปกป้องมิให้รัฐบาลดามัสกัสถูกคว่ำบาตรหนักไปกว่านี้ และยืดหยัดคัดค้านการส่งกำลังจากภายนอกเข้าไปลงโทษ หรือโค่นล้มอำนาจของผู้นำซีเรีย

ด้านโฆษกยูเอ็นระบุว่า จากการลงพื้นที่ชานกรุงดามัสกัสซึ่งอ้างว่ามีการนำแก๊สทำลายระบบประสาทออกมาใช้เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ทำให้ผู้ตรวจสอบยูเอ็นได้ข้อมูล “มากพอสมควร” และจะส่งรายงานต่อเลขาธิการสหประชาชาติ บัน คีมูน ทันทีที่เดินทางออกจากซีเรียในวันพรุ่งนี้ (31)

สงครามกลางเมืองซีเรียซึ่งยืดเยื้อเข้าสู่เดือนที่ 29 ทำให้มีพลเรือนถูกสังหารไปแล้วกว่า 100,000 คน ตามข้อมูลของยูเอ็น
กำลังโหลดความคิดเห็น