เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ผลสำรวจล่าสุดที่มีการเผยแพร่ในวันจันทร์ (24) ชี้ว่า ประชาชนชาวอัฟกันส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลของตนสามารถควบคุม-ดูแลสถานการณ์ด้านความมั่นคงของประเทศได้ด้วยตัวเอง แม้อัฟกานิสถานต้องพึ่งพากองกำลังต่างชาติมาโดยตลอดนับตั้งแต่ปี 2001 และชาวอัฟกันส่วนใหญ่ยังแสดงจุดยืนต่อต้านการกลับมาของกลุ่มตอลิบาน
ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยบริษัทวิจัยเอทีอาร์ คอนซัลติ้ง พบว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างชาวอัฟกันเชื่อว่า รัฐบาลคาบูลรวมถึงกองกำลังความมั่นคงและตำรวจอัฟกันสามารถดูแลความมั่นคงของประเทศได้ด้วยตัวเอง ภายหลังจากการถอนตัวจากแผ่นดินอัฟกันของทหารสหรัฐฯ และกองกำลังนานาชาติภายใต้การนำของกำลังพลจากองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ในสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ดี ผลสำรวจพบว่า 68 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างชาวอัฟกันสนับสนุนให้มีการทำข้อตกลงสันติภาพกับกลุ่มตอลิบาน รวมถึงการทำข้อตกลงทวิภาคีด้านความมั่นคงระหว่างรัฐบาลอัฟกานิสถานและสหรัฐฯ เพื่อเปิดทางให้สหรัฐฯยังสามารถคงกองกำลังของตนบางส่วนไว้ในอัฟกานิสถานได้ต่อไปหลังจากสิ้นปีนี้
นอกจากนั้น ผลสำรวจยังพบว่า มีกลุ่มตัวอย่างที่เป็นชายชาวอัฟกัน 12.7 เปอร์เซ็นต์ และสตรีอัฟกันเพียง 1.6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ต้องการให้กลุ่มตอลิบานหวนกลับมามีอำนาจทางการเมืองอีก หลังจากที่รัฐบาลของพวกตอลิบานเคยครองอำนาจในอัฟกานิสถานระหว่างปี 1996-2001 และมีการบังคับใช้หลักกฎหมายอิสลามที่เข้มงวด ซึ่งรวมถึงการบังคับให้ผู้หญิงต้องออกจากโรงเรียน และออกจากงาน
ทั้งนี้ ทางบริษัทเอทีอาร์ที่จัดทำการสำรวจครั้งนี้ระบุว่า ผลสำรวจดังกล่าวได้จากการลงพื้นที่ สัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ชาย 3,038 คน และผู้หญิง 1,180 คนในอัฟกานิสถานระหว่างเดือนกันยายน-ตุลาคมปีที่แล้ว ขณะที่ทีมงานเก็บข้อมูลก็คัดเลือกมาจากพลเมืองอัฟกานิสถานเองที่มีความสามารถในการเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ