เอเจนซีส์ - ศาลปกครองสูงสุดเยอรมนีในเมืองลิปซิกในวันพุธ (11) ได้พิพากษาให้โรงเรียนสามารถออกกฎบังคับเด็กหญิงมุสลิมเยอรมันต้องเข้าเรียนวิชาว่ายน้ำร่วมกับเด็กนักเรียนชายคนอื่นในห้องได้ โดยพวกเธอสามารถสวม “เบอร์กินี” หรือชุดว่ายน้ำแบบเต็มตัวสำหรับสตรีมุสลิม ซึ่งนับเป็นคำตัดสินที่มีความอ่อนไหวในความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับศาสนา
นัยยะคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดในเยอรมนีที่เมืองลิปซิกในวันพุธ (11) ที่ตัดสินให้นักเรียนหญิงมุสลิมต้องเข้าเรียนวิชาว่ายน้ำร่วมกับเพื่อนร่วมชั้นนักเรียนชายในห้อง โดยสวม “เบอร์กินี” ชุดว่ายน้ำที่ออกแบบโดยเฉพาะสำหรับชาวมุสลิมนั้น สื่อว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญเยอรมนีที่กำหนดให้รัฐต้องจัดการศึกษาให้เด็กนั้นต้องมาก่อน ศาสนา ประเพณี ที่ที่เชื่อมโยงกับความเชื่อส่วนบุคคล
โดยก่อนหน้านั้น นายกรัฐมนตรีเยอรมนี อังเกลา แมร์เคิล ได้ร่วมถกกับชุมชนมุสลิมที่มีจำนวนสมาชิกอยู่ราว 4 ล้านคน เพื่อหาทางออก แต่อย่างไร แมร์เคิล ก็ตามยังย้ำว่า ชาวมุสลิมเยอรมันต้องทำตัวให้กลมกลืนกับสังคมเยอรมัน และเรียนรู้ภาษาเยอรมัน
ในคำตัดสินนั้น ศาลปกครองสูงสุดเยอรมนีกล่าวว่า นักเรียนหญิงมุสลิมไม่สามารถได้รับการยกเว้นการเรียนวิชาว่ายน้ำ โดยเด็กเหล่านั้นสามารถสวม “เบอร์กินี” ชุดว่ายน้ำแบบเต็มตัวที่ออกแบบให้เปิดเผยแค่ใบหน้า มือ และเท้าเท่านั้น โดยมีผู้หญิงมุสลิมหลายคนสวมเพื่อว่ายน้ำ
ซึ่งคดีนี้มีที่มาจาก “ไอชา” เด็กผู้หญิงมุสลิมเยอรมัน อายุ 13 ที่อพยพมาจากโมร็อกโกตั้งแต่เธอมีอายุได้ 8 ปี และเธอได้ไปเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมที่มีชื่อเสียงที่เมืองแฟรงก์เฟิร์ตโดยตั้งแต่เธออายุได้ 11 ปี ผู้ปกครองของไอชาพยายามที่จะไม่ให้เธอเข้าเรียนว่ายน้ำร่วมกับเด็กผู้ชายเพื่อนร่วมชั้น โดยอ้างว่าไอชาไม่ควรจะเห็นเพื่อนชายร่วมห้องที่สวมกางเกงว่ายน้ำ
ซึ่งศาลได้พิพากษาดังนี้ “โจทก์ไม่แสดงหลักฐานที่ชัดเจนว่า การต้องเรียนวิชาว่ายน้ำที่ต้องสวมชุดเบอร์กินีนั้นจะขัดกับหลักกฎหมายอิสลามอย่างไร” ศาลปกครองสูงสุดได้พิพากษาให้การคดีนี้ตกไป
ซึ่งก่อนหน้านี้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ในเมืองลิปซิกได้ยกคำร้องที่ต้องการให้ยกเว้นไอชาต้องเข้าเรียนว่ายน้ำร่วมกับเด็กผู้ชายในห้อง