รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - อิหร่านบรรลุข้อตกลงขายอาวุธยุทโธปกรณ์พร้อมเครื่องกระสุนให้กับอิรัก คิดเป็นมูลค่ากว่า 195 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 6,340 ล้านบาท) ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่อาจเข้าข่ายละเมิดมาตรการห้ามจำหน่ายอาวุธขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่บังคับใช้ต่อรัฐบาลเตหะราน
เอกสารลับที่รั่วไหลถึงสื่อต่างประเทศ รวมถึงสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า การบรรลุข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว หรือเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่นายกรัฐมนตรีนูริ อัล-มาลิกิ แห่งอิรัก เพิ่งเดินทางกลับจากการเยือนกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ในภารกิจล็อบบี้ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ เพื่อขอให้รัฐบาลอเมริกันช่วยจัดหาอาวุธเพิ่มเติมแก่อิรักสำหรับใช้ในภารกิจกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธภายในประเทศ ที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ ท่ามกลางความกังวลของเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางรายในวอชิงตันที่รู้สึกไม่สบายใจที่อาวุธ “เมด อิน ยูเอสเอ” จะตกไปอยู่ในมือของรัฐบาลอิรัก ซึ่งมีความใกล้ชิดกับอิหร่าน
อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวที่เป็นสมาชิกรัฐสภาของอิรักจำนวนหนึ่ง ออกมาเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี มาลิกิ ตัดสินใจทำข้อตกลงซื้ออาวุธจากอิหร่าน เพราะการจัดส่งความช่วยเหลือด้านอาวุธจากสหรัฐฯนั้นล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ อาลี มุสซาวี โฆษกประจำตัวนายกรัฐมนตรีอิรัก ออกมาระบุว่า การทำข้อตกลงดังกล่าวกับอิหร่านถือเป็นเรื่องที่ “สามารถเข้าใจได้” เนื่องจากอิรักกำลังเผชิญกับปัญหาดานความมั่นคงที่เลวร้ายจากภัยคุกคามของกลุ่มก่อการร้าย
ด้านรัฐบาลอิหร่าน ยืนกรานปฏิเสธข่าวการทำข้อตกลงขายอาวุธให้กับอิรัก ซึ่งอาจเป็นข้อตกลงซื้อขายอาวุธอย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศที่ล้วนเป็นพวกมุสลิม “ชีอะห์” และเป็นการบ่งชี้ถึงสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ระหว่างอิหร่านและอิรักในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่รัฐบาลสหรัฐฯตัดสินใจถอนทหารอเมริกันกลับประเทศ
ขณะที่ เจน ซากี โฆษกหญิงของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯออกมาแถลงว่า หากข่าวการทำข้อตกลงดังกล่าวเป็นเรื่องจริงก็จะถือเป็นสิ่งที่น่ากังวลใจอย่างสำคัญและอาจเข้าข่ายการละเมิดมติที่ 1747 ของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติที่ห้ามอิหร่านส่งออกอาวุธไปยังประเทศที่สาม พร้อมย้ำว่า ในความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯก็กำลังเร่งจัดส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จำเป็นซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 487,767 ล้านบาท) ให้กับอิรัก รวมถึงการเร่งจัดส่งเฮลิคอปเตอร์แบบ “อาปาเช่” ให้กับอิรักตามนโยบายของ จอห์น เคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศที่ประกาศสนับสนุนรัฐบาลอิรักในการต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงภายในประเทศ
ทั้งนี้ รัฐบาลอิรักซึ่งนำโดยพวกมุสลิมชีอะห์ กำลังเผชิญกับความท้าทายใหญ่หลวงด้านความมั่นคง จากภัยคุกคามของบรรดากลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงของพวกมุสลิมสุหนี่ ที่จับอาวุธทำสงครามกับรัฐบาลอิรักมานานเกือบ 2 เดือนทางภาคตะวันตกของประเทศ และสามารถบุกเข้ายึดเมืองสำคัญอย่างฟัลลูจาห์ ที่อยู่ในจังหวัดอันบาร์