เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศผู้ซื้อน้ำมันจากอิหร่านรายแรกที่ชำระเงินให้รัฐบาลเตหะรานในรอบปี ตามผลของข้อตกลงชั่วคราวด้านนิวเคลียร์ ที่บรรดามหาอำนาจยอมผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจบางส่วน เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่อิหร่านยอมยุติการเดินหน้าพัฒนานิวเคลียร์ เบื้องต้นคาดว่าเงินก้อนดังกล่าวที่ญี่ปุ่นเตรียมโอนให้กับอิหร่านน่าจะมีมูลค่าราว 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 18,030 ล้านบาท)
อิหร่านต้องเผชิญกับความยากลำบากทางเศรษฐกิจอย่างสำคัญ จากผลของมาตรการคว่ำบาตรสุดเข้มงวดของนานาชาติตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ปริมาณการส่งออกน้ำมันของอิหร่านก็ลดต่ำลงกว่าครึ่ง ขณะที่เมื่อ 1 ปีก่อน สหรัฐฯ ได้ออกมาตรการใหม่ เพื่อห้ามบรรดาประเทศที่ยังคงซื้อน้ำมันจากอิหร่าน โอนเงินให้กับรัฐบาลเตหะราน
การตัดสินใจล่าสุดของรัฐบาลโตเกียวภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ในการเป็นชาติแรกในโลกที่จ่ายเงินค่าสั่งซื้อน้ำมันให้กับอิหร่าน ถูกมองว่าจะเป็นผลดีอย่างยิ่งยวดต่อการที่บริษัทสัญชาติญี่ปุ่นจะเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของอิหร่าน และเป็นข้อได้เปรียบสำคัญ ที่ทำให้ญี่ปุ่นดูมีภาพลักษณ์ที่ดีกว่าคู่แข่งในเวทีโลกในสายตาของรัฐบาลเตหะรานที่ถูกโดดเดี่ยวจากนานาชาติมานาน
ในความเป็นจริงแล้ว สาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดียและเกาหลีใต้ต่างสั่งซื้อน้ำมันจากอิหร่านทั้งสิ้น และเป็นที่คาดกันว่าเงินค่าสั่งซื้อน้ำมันของประเทศเหล่านี้ที่อยู่ระหว่างการรอโอนให้กับรัฐบาลอิหร่านนั้น อาจมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
รายงานซึ่งอ้างแหล่งข่าว 3 รายในกรุงโตเกียวเผยว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (Bank of Japan : BOJ) ได้สั่ง “ถอนอายัด”เงินจากบัญชีที่รัฐบาลโตเกียวใช้สั่งซื้อน้ำมันจากอิหร่านตั้งแต่เมื่อต้นสัปดาห์ โดยหนึ่งในแหล่งข่าวเปิดเผยว่า จำนวนเงินที่โตเกียวเตรียมโอนให้กับเตหะรานนั้น ในเบื้องต้นคาดว่าน่าจะมีมูลค่าราว 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 18,030 ล้านบาท)
ขณะที่สื่อหลายสำนักในญี่ปุ่นรายงานว่า เงินจำนวนดังกล่าวจะถูกโอนไปยังบัญชีของ “ธนาคารกลางอิหร่าน” ที่ไปเปิดไว้ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งข้อมูลดังกล่าว สอดคล้องกับการแถลงของโฆษกกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ที่ออกมาเปิดเผยในวันจันทร์ (3) ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ภายใต้ข้อตกลงเบื้องต้นเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ระบุ 6 ชาติมหาอำนาจซึ่งประกอบด้วย สหรัฐฯ จีน รัสเซีย ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และเยอรมนี เห็นชอบให้มีการผ่อนปรนความเข้มงวดของมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านและเปิดทางให้อิหร่านได้รับเงินรายได้จากการจำหน่ายน้ำมันของตน จำนวน 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 137,760 ล้านบาท) ที่ถูกอายัดไว้ในต่างประเทศกลับคืนตั้งแต่วันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมาเป็นต้นไป
โดยมาตรการดังกล่าวมีขึ้น เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่อิหร่านจะยอมยุติความก้าวหน้าในโครงการพัฒนานิวเคลียร์ซึ่งรวมถึงการที่อิหร่าน จะต้องยอมลดระดับความเข้มข้นของยูเรเนียมที่ถูกเสริมสมรรถนะไว้แล้ว จากระดับ 20 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียงไม่เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่การเจรจารอบต่อไปจะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้