รอยเตอร์ - ญี่ปุ่นได้ร่างยุทธศาสตร์ฉบับใหม่เพื่อยกเลิก “ข้อห้ามส่งออกอาวุธ” ที่ประเทศนี้ประกาศใช้มาเป็นเวลาหลายทศวรรษ แหล่งข่าวรายหนึ่งที่มีความใกล้ชิดกับเรื่องนี้เผยในวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่อาจสั่นคลอนสายสัมพันธ์ระหว่างแดนอาทิตย์อุทัยกับจีนและเกาหลีใต้ ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง
โตเกียวได้หันมาทบทวนข้อห้ามส่งออกอาวุธ โดยถือเป็นการทำตามยุทธศาสตร์ความมั่นคงแนวใหม่ของนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ที่มุ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กองทัพแดนอาทิตย์อุทัย
ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 2 และได้รับคะแนนความนิยมจากประชาชนอย่างล้นหลาม อาเบะ กล่าวว่าญี่ปุ่นจำเป็นต้องพัฒนากองทัพให้แข็งแกร่งเพื่อรับมือกับสภาพแวดล้อมที่เป็นภัยต่อความมั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาที่กองทัพจีนเริ่มแสดงท่าทีรุกราน และเกาหลีเหนือก็มีพฤติกรรมที่คาดเดาไม่ได้
การเปลี่ยนแปลงตามที่มีการเสนอนั้นอาจกระตุ้นให้จีนและเกาหลีใต้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ โดยทั้งสองประเทศนี้ยังคงโกรธแค้นที่ญี่ปุ่นแสดงพฤติกรรมโหดร้ายป่าเถื่อนในสมัยสงครามโลก นอกจากนี้ปักกิ่งและโซลยังมีข้อพิพาทในเรื่องหมู่เกาะขนาดเล็กกับโตเกียวมานาน
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นได้ร่าง “หลักการ 3 ข้อ” สำหรับการส่งออกอาวุธเมื่อปี 1967 ซึ่งกำหนดว่า ห้ามส่งออกอาวุธให้แก่รัฐบาลคอมมิวนิสต์ หรือชาติใดก็ตามที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างประเทศ หรือถูกองค์การสหประชาชาติคว่ำบาตร
ต่อมากฎเหล่านี้มีลักษณะครอบคลุมมากขึ้นจนกลายเป็นการห้ามการส่งออก การพัฒนา และผลิตอาวุธร่วมกับประเทศอื่นๆ ทั้งหมด ยกเว้นสหรัฐฯ ทำให้บริษัทผู้ผลิตแดนอาทิตย์อุทัยไม่สามารถเข้าร่วมในโครงการระหว่างประเทศใดๆ ได้
แหล่งข่าวผู้นี้กล่าวกับรอยเตอร์ว่า ตามนโยบายใหม่ การส่งออกอาวุธจะต้องผ่าน “การพิจารณาอย่างเข้มงวดกวดขัน” ว่าเป็นการส่งออกอาวุธเพื่อภารกิจสันติภาพ หรือเป็นการร่วมพัฒนาอาวุธเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของชาติหรือไม่
ทั้งนี้ หลักการดังกล่าวร่างขึ้นเพื่อยกเลิกข้อห้ามส่งออกอาวุธให้แก่บรรดารัฐบาลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่หนังสือพิมพ์ “อาซาฮี ชิมบุน” ของญี่ปุ่นฉบับวันนี้ (23) ระบุว่า เป็นการปูทางเพื่อส่งออกอาวุธให้แก่ อิสราเอล มากขึ้น เมื่อปีที่แล้วอิสราเอลได้สั่งซื้อเครื่องบินขับไล่ เอฟ-35 ของบริษัท ล็อกฮีด มาร์ติน ซึ่งญี่ปุ่นเป็นผู้ผลิตส่วนประกอบของเครื่อง
รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคลิเบอรัล เดโมเครติก ปาร์ตี ของญี่ปุ่นนั้นคาดหวังว่าพรรค “นิว โคเมอิโตะ ปาร์ตี” ซึ่งเป็นพรรคที่ใฝ่สันติมากกว่าจะเห็นพ้องต้องกันกับการแก้ไขครั้งนี้ ตลอดเห็นชอบให้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงอย่างเร็วที่สุดเดือนหน้า แหล่งข่าวระบุ
ทั้งนี้ ข้อห้ามส่งออกอาวุธในปัจจุบันเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางบรรดาบริษัทรับจ้างกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่น เช่น มิตซูบิชิ เฮฟวี อินดัสทรีส์, คาวาซากิ เฮฟวี อินดัสทรีส์ และไอเอชไอ คอร์ป ไม่ให้เข้าร่วมโครงการพัฒนาอาวุธนานาชาติ ทำให้พวกเขาต้องประสบกับความยากลำบากในการรักษาระดับการพัฒนาเทคโนโลยี และการควบคุมราคาให้อยู่ในระดับต่ำ
