xs
xsm
sm
md
lg

รอยเตอร์รายงาน ผู้ประท้วงแห่คืน “ซิมโทรศัพท์ ค่าย AIS” แบนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตระกูลชิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยเตอร์/ASTVManager - เมื่อวานนี้ (22) มีผู้ประท้วงหลายรายได้ทำตามข้อเรียกร้องของสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำการประท้วงกลุ่ม กปปส.ที่ต้องการให้คว่ำบาตรธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวชินวัตร โดยการคืนซิมโทรศัพท์มือถือค่าย AIS

ผู้ประท้วงกลุ่ม กปปส.ได้ปิดถนนสายหลักทำการประท้วง พร้อมตั้งเวที เต็นท์ และสิ่งกีดขวางป้องกันการถูกสลายม็อบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร และหยุดอิทธิพลของทักษิณ ชินวัตร พี่ชายเศรษฐีพันล้านของยิ่งลักษณ์ ที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ที่ถูกทำรัฐประหาร ซึ่งหลายคนเชื่อกันว่าทักษิณเป็นผู้มีอำนาจสั่งการตัวจริงในรัฐบาลของน้องสาว

ในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ การประท้วง กปปส.พุ่งเป้าไปที่ธุรกิจที่มีความเชื่อมโยงกับตระกูลชินวัตร ส่งผลให้หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ร่วงหนัก และในวันเสาร์ (22) มีผู้ประท้วงหลายคนได้ตอบรับการเรียกร้องจากผู้นำการประท้วง สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ต้องการให้ยกเลิกสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวชินวัตร โดยการคืนซิมโทรศัพท์มือถือของค่าย AIS ให้กับบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ซึ่งค่ายมือถือแห่งนี้เป็นต้นกำเนิดความมั่งคั่งของครอบครัวชินวัตร

ส่งผลให้ทางค่ายต้องส่งข้อความ SMS ไปยังลูกค้าทันที เพื่อแจ้งว่าทางบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวชินวัตรแล้ว “AIS ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางการเมือง และไม่ได้เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับฝ่ายไหน นอกจากนี้ ดร.ทักษิณ และครอบครัวได้ขายหุ้นทั้งหมดของบริษัทตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2006 และตั้งแต่นั้นมาทางตระกูลชินวัตร และ AIS ไม่มีความข้องเกี่ยวกัน” AIS แถลงผ่าน SMS

อุ่นจิตร วงสัมพันธ์ วัย 65 ปี ยืนต่อแถวที่ใจกลางกรุงเทพฯ เพื่อส่งคืนซิมโทรศัพท์มือถือของเธอเอง “ดิฉันคิดว่าสัญญาณโทรศัพท์แย่ และดิฉันต้องการที่จะเปลี่ยนค่ายเพราะบริษัท AIS ร่ำรวยมากเกินไป” อุ่นจิตร ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ และเมื่อทางรอยเตอร์ได้แสดงข้อความ SMS จากบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส ให้ดู อุ่นจิตร กล่าวว่า “ดิฉันไม่เชื่อถือพวกเขาอีกต่อไป ดิฉันได้ตัดสินใจที่จะยกเลิกใช้บริการโทรศัพท์ของค่ายนี้แล้ว”

เหล่าผู้สนับสนุนยิ่งลักษณ์ต่างประณามยุทธศาสตร์การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของกลุ่มม็อบ กปปส.ซึ่งที่ผ่านมาหลังจากที่การประท้วงที่เริ่มต้นตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน 2013 ได้ส่งผลต่ออัตราการเติบทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในกรุงเทพฯลดลงเป็นอย่างมาก

“และสิ่งที่เราไม่ชอบในขณะนี้คือ การที่ผู้ประท้วงม็อบ กปปส.มีเป้าหมายเพื่อที่จะคุกคามบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ นี่ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลแต่อย่างใด” ธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ และเสริมต่อว่า “การเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้เปลี่ยนมาทำลายธุรกิจแทนที่จะเป็นรัฐบาลยิ่งลักษณ์”

ซึ่งกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.เป็นผู้สนับสนุนหลักของทักษิณที่มีฐานใหญ่อยู่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศนั้น จะมีการประชุมตัวแทนจากทั่วประเทศในวันนี้ (23) ที่ จ.นครราชสีมา

เป็นเพราะโครงการประชานิยมเพื่อชาวนาที่อยู่ในพื้นที่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย ได้ส่งให้ยิ่งลักษณ์สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ในปี 2011 แต่ทว่าโครงการประชานิยมเหล่านี้ โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว ส่งผลให้มีข้าวจำนวนมากกองอยู่ในยุ้งฉางที่มีข่าวฉาวทุจริต ทำให้ต่างชาติยกเลิกดีลการซื้อ และสภาพข้าวที่คุณภาพต่ำที่มีหลักฐานเป็นภาพกองข้าวในสต๊อกของรัฐที่ขึ้นราถูกเผยแพร่ไปทั่ว และโครงการนี้ที่ขาดทุนมาตลอด ทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ต้องดิ้นรนหาแหล่งเงินเพื่อนำมาจ่ายคืนให้กับชาวนาที่ร่วมโครงการอยู่ในขณะนี้

ในสัปดาห์ที่แล้ว ผู้ประท้วงราว 500 คน ได้รวมตัวอยู่หน้าสำนักงานบริษัท SC Assetของตระกูลชินวัตร พร้อมกับโบกธงชาติและเป่านกหวีด โดยก่อนที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศ ยิ่งลักษณ์เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารบริษัท SC Asset มาก่อน

และเพราะเหตุต่างๆ ส่งผลให้หุ้นของ SC Asset ร่วงไป 10% ตั้งแต่วันพุธ (19) ที่ผ่านมา และรวมไปถึงหุ้นของบริษัทผู้จัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ M-Link Asia Corp ที่เชื่อมโยงกับครอบครัวตระกูลชินวัตรร่วงไป 12%

นอกจากนี้ ธิดา ยังเปิดเผยว่า การเดินขบวนที่จะมีขึ้นในวันนี้ (23) อยู่ในแผนการที่จะทำให้ประชาธิปไตยของประเทศกลับคืนมา หลังจากที่ฝ่ายค้านบอยคอตและขัดขวางการเลือกตั้ง ทำให้ประเทศต้องเป็นอัมพาตภายใต้รัฐบาลรักษาการ แต่ธิดาปัดว่าไม่มีแผนใดที่จะทำให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น

“หากทาง นปช.ต้องการที่จะปะทะ เราคงจะลงมือทำไปนานแล้ว และเราคงไม่ต้องรอมาจนถึงทุกวันนี้” ธิดา กล่าวยืนยัน

ในวันอังคารที่ผ่านมา (18) มีตำรวจปราบจลาจล 1 นาย และผู้ประท้วง 4 ราย เสียชีวิตหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่พยายามที่จะเข้าสลายการชุมนุมใกล้กับทำเนียบรัฐบาล และมีผู้เสียชีวิตอีก 6 รายด้วยระเบิดมือในวันศุกร์ (21) และล่าสุดในคืนวันเสาร์ (22) ผู้ชุมนุม กปปส.ที่ จ.ตราด เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 39 ราย ซึ่งหนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นเด็กวัยเพียง 5 ปี หลังจากที่ถูกกราดยิงและโยนระเบิดจากลุ่มคนร้ายไม่ทราบฝ่ายที่อยู่บนรถกระบะ 2 คัน
กำลังโหลดความคิดเห็น