รอยเตอร์/เอพี/เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รัฐสภายูเครนลงมติในวันเสาร์ (22) ถอดถอนประธานาธิบดี วิคตอร์ ยานูโควิช ออกจากอำนาจแล้ว ถือเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญที่เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่ผู้นำยูเครนมีอันต้องสูญเสียทำเนียบของตนในกรุงเคียฟให้กับกลุ่มผู้ประท้วง และเดินทางมุ่งหน้าไปตั้งหลักทางภาคตะวันออกของประเทศ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญทางการเมืองของตน ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ยูเลีย ตีโมเชงโก แกนนำฝ่ายค้านที่ถูกจองจำได้รับอิสระแล้วเช่นกัน
การถูกเขี่ยตกจากอำนาจของ วิคตอร์ ยานูโควิช ซึ่งเป็นผู้นำที่มีจุดยืน “โปร รัสเซีย” กลายเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญล่าสุดที่เกิดขึ้นในยูเครน ดินแดนที่เป็นบ้านของประชากรกว่า 46 ล้านคน และถูกมองว่าอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะช่วยดึงยูเครนให้หันกลับไปใกล้ชิดกับสหภาพยุโรปอีกครั้งตามความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ หลังจากที่ผ่านมา ยานูโควิชนำพาประเทศหันไปใกล้ชิดกับมอสโก
รายงานข่าวซึ่งอ้างแถลงการณ์ของที่ประชุมรัฐสภายูเครน ระบุว่า ประธานาธิบดี ยานูโควิช ไม่สามารถทำหน้าที่ผู้นำประเทศได้อีกต่อไป พร้อมกันนี้ รัฐสภายูเครนยังประกาศให้มีการจัดเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 25 พฤษภาคม ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิม
ด้าน ยานูโควิช ออกคำแถลงซึ่งมีการถ่ายทอดจากสถานีโทรทัศน์ “ยูบีอาร์” ในเมืองคาร์คิฟ ทางภาคตะวันออกของประเทศหลังมีอันต้องหนีออกจากกรุงเคียฟ โดยยืนยันด้วยท่าทีแข็งกร้าวว่าเขาจะไม่ลาออกจากตำแหน่งและจะไม่เดินทางออกนอกประเทศ พร้อมประณามความเคลื่อนไหวของรัฐสภายูเครนว่าเป็นสิ่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย พร้อมเปรียบเทียบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในยูเครนเวลานี้ว่า ไม่ต่างจากเมื่อครั้งที่พวกนาซีก้าวขึ้นสู่อำนาจในเยอรมนีเมื่อช่วงทศวรรษ 1930
ในอีกด้านหนึ่ง บรรดาสมาชิกคณะรัฐมนตรีที่ได้รับการแต่งตั้งจากยานูโควิชต่างออกมาประกาศจุดยืนน้อมรับการถ่ายโอนอำนาจให้กับรัฐบาลชุดใหม่ เช่นเดียวกับสำนักงานตำรวจยูเครนที่ประกาศจุดยืน พร้อมอยู่เคียงข้างกับประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล ขณะที่กองทัพยูเครนออกมาแถลงจุดยืนที่จะไม่เข้าไปก้าวก่ายทางการเมือง
รายงานข่าวระบุด้วยว่า นอกเหนือจากที่รัฐสภายูเครนจะโหวตถอดยานูโควิชออกจากอำนาจแล้ว ที่ประชุมรัฐสภายูเครนยังมีมติให้ปล่อยตัวอดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ยูเลีย ตีโมเชงโก เป็นอิสระด้วย หลังจากที่เธอถูกตัดสินให้รับโทษจำคุกนาน 7 ปีตั้งแต่ปี 2011 ด้วยข้อกล่าวหาทางการเมืองกรณีที่เธอถูกโจมตีว่าใช้อำนาจโดยมิชอบทำข้อตกลงด้านพลังงานกับรัสเซีย
อย่างไรก็ดี มีรายงานว่าแม้จะได้รับการปล่อยตัว แต่อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงวัย 53 ปีรายนี้ ยังจำเป็นต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลต่อไป จากปัญหาสุขภาพ
ด้าน ออสทาป ครีฟดีก แกนนำผู้ประท้วงซึ่งบุกเข้ายึดทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงเคียฟ ออกมายืนยันว่า กลุ่มผู้ประท้วงจะปักหลักรักษาพื้นที่ของทำเนียบเอาไว้จนกว่าประเทศของตนจะมีประธานาธิบดีคนใหม่ พร้อมย้ำว่า วิคตอร์ ยานูโควิช ที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการนองเลือดจนมีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย 77 รายกลางกรุงเคียฟ ตลอดหลายวันที่ผ่านมาได้ หมดสิ้นหนทางที่จะกลับคืนสู่อำนาจแล้ว