xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำเวเนฯ ท้า “โอบามา” เปิดเจรจาตัวต่อตัว หลังจวกสหรัฐฯ “จ่ายเงิน” แกนนำนักศึกษาโค่นรัฐบาล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา เปิดแถลงข่าวที่กรุงการากัส เมื่อวานนี้(21) หลังเหตุประท้วงขับไล่รัฐบาลเริ่มทวีความรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิตแล้ว 8 คน
เอเอฟพี - ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลา ยื่นคำท้าให้ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ เปิดเจรจากันโดยตรงเมื่อวานนี้ (21 ก.พ.) ภายหลังจากที่เคยกล่าวหาว่าสหรัฐฯอยู่เบื้องหลังขบวนการนักศึกษาที่ออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาล

คำเชื้อเชิญจากผู้นำเวเนซุเอลามีขึ้นท่ามกลางเหตุประท้วงรุนแรงที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 3 สัปดาห์ทั้งในกรุงการากัสและเมืองใหญ่อื่นๆ และนับว่าเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับ มาดูโร ซึ่งก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำสูงสุดต่อจากอดีตประธานาธิบดีอูโก ชาเบซ ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมเมื่อปีที่แล้ว

ความบาดหมางระหว่างเวเนซุเอลากับสหรัฐฯ ที่มีมาในยุคของชาเบซ ดูจะย่ำแย่ลงอีกจากท่าทีของมาดูโร ซึ่งยึดถือนโยบายสังคมนิยมอย่างเหนียวแน่น และยังไม่เคยสนทนาโดยตรงกับผู้นำสหรัฐฯมาก่อน

“ผมขอเจรจากับคุณโดยตรง ประธานาธิบดีโอบามา... ระหว่างเวเนซุเอลาซึ่งรักชาติและเชิดชูการปฏิวัติ กับสหรัฐฯ และรัฐบาลวอชิงตัน” มาดูโร ประกาศถ้อยแถลงเมื่อวานนี้ (21)

“จงรับคำท้านี้ แล้วเราจะได้เปิดเจรจาระดับผู้นำ และเอาความจริงมาคุยกัน”

มาดูโร ยังสร้างความประหลาดใจต่อสื่อมวลชนโดยเสนอให้ฟื้นฟูความสัมพันธ์ระดับนักการทูตกับสหรัฐฯ พร้อมชี้ว่าตนได้ให้ “อำนาจพิเศษ” แก่รัฐมนตรีต่างประเทศในการเปิดเจรจาแบบทวิภาคี

เวเนซุเอลาและสหรัฐฯ ไม่มีการแลกเปลี่ยนเอกอัครราชทูตมาตั้งแต่ปี 2010 และเมื่อปีที่แล้วรัฐบาลการากัสก็ได้ขับไล่นักการทูตสหรัฐฯ 8 คนออกจากประเทศ และเพิ่งจะขับทูตอเมริกันออกไปอีก 3 คนในสัปดาห์นี้

ก่อนหน้านี้ โอบามาเรียกร้องให้ผู้นำเวเนซุเอลารับฟัง “เสียงโอดครวญโดยชอบธรรม” ของประชาชนบ้าง ซึ่ง มาดูโร ก็ออกมาโต้กลับทันทีว่าสหรัฐฯกำลังก้าวก่ายกิจการภายในของประเทศอื่น ทั้งยังกล่าวหาว่าวอชิงตันให้เงินสนับสนุนแกนนำนักศึกษาที่ออกมาต่อต้านรัฐบาล

มาดูโร ยังขู่จะปิดกั้นสัญญาณโทรทัศน์ของซีเอ็นเอ็น โดยอ้างว่าสื่ออเมริกันรายนี้เสนอข้อมูลยั่วยุให้เกิด “สงครามกลางเมือง” ขณะที่ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นทั้งภาคภาษาอังกฤษและสเปนในเวเนซุเอลาเริ่มถูกทางการเพิกถอน หรือปฏิเสธบัตรสื่อมวลชน

แม้จะได้ชื่อว่ามีแหล่งน้ำมันสำรองขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่เวเนซุเอลายังคงเผชิญปัญหาสังคมที่เรื้อรัง ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ, อาชญากรรม, พฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชัน และการว่างงาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้คนออกมาประท้วงการบริหารจัดการที่ล้มเหลวของรัฐบาลมาดูโร

กลุ่มนักศึกษาและนักการเมืองฝ่ายค้านเป็นหัวหอกในการระดมมวลชนออกมาขับไล่รัฐบาลครั้งนี้ ซึ่งล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้ว 8 ราย บาดเจ็บอีก 137 คนจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคง และยังมีผู้ประท้วงถูกจับกุมอีกไม่ต่ำกว่า 100 คน


กำลังโหลดความคิดเห็น