เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ได้เข้าแทรกกแซงความรุนแรงที่ได้ก่อตัวขึ้นในวันอังคาร (18) โดยโทรศัพท์ถึงประธานาธิบดียูเครน วิกเตอร์ ยานูโควิช พร้อมกับแนะว่า ยูเครนควรถอนกองกำลังที่ได้เข้ารื้อแคมป์ผู้ประท้วงที่จัตุรัสเอกราช กลางกรุงเคียฟ ซึ่งจากเหตุการณ์ปะทะยอดตัวเลขผู้สูญเสียที่อย่างน้อย 25 ราย โดยมี 7 รายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลยูเครน ในขณะที่ ยานูโควิช แถลงประนามฝ่ายค้านในวันนี้ (19) อ้างว่าเป็นพวกไม่ยอมรับกติกาประชาธิปไตย และเรียกร้องให้ฝ่ายค้านถอยห่างจากกลุ่มผู้ชุมนุมที่ใช้ความรุนแรง
“รองประธานาธิบดี ไบเดน ได้โทรศัพท์ถึงประธานาธิบดียูเครน วิกเตอร์ ยานูโควิช ในวันนี้ (18) เพื่อแสดงความห่วงใยในวิกฤตความรุนแรงที่เกิดขึ้นบนถนนในกรุงเคียฟ โดยไบเดนได้ร้องขอให้ยานูโควิชได้ออกคำสั่งถอนกำลังเจ้าหน้าที่รัฐออกมา พร้อมทั้งยังให้ใช้ความอดทนสูสุดต่อการยั่วยุ” อ้างจากแถลงการณ์ทำเนียบขาว
นอกจากนี้ ทางทำเนียบขาวยังแถลงต่อไปว่า ไบเดนได้แสดงออกอย่างชัดเจนในการสนทนาว่า สหรัฐฯประนามความรุนแรงที่ไม่ว่าฝ่ายใดก่อขึ้น แต่รัฐบาลยูเครนมีความรับผิดชอบพิเศษที่ต้องลดสถานการณ์ความรุนแรงลง
ซึ่งไบเดนได้พยายามหลายครั้งที่ติดต่อกับยานูโควิชและผู้นำฝ่ายค้านยูเครนเพื่อทำให้วิกฤตปะทะนองเลือดสิ้นสุด
และหลังจากที่การจลาจลได้สงบลงแล้ว รัฐบาลยูเครนได้ประกาศปิดเส้นทางบางส่วนที่จะเข้ามายังกรุงเคียฟตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมา (18) เพื่อป้องกันการปะทะระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงและตำรวจปราบจลาจล สื่อที่รัฐบาลยูเครนเป็นเจ้าของรายงานเมื่อวานนี้(18)
“เพื่อป้องกันกาสูญเสียชีวิต และทำให้สถานการณ์เลวร้ายหนักขึ้น ทางรัฐบาลของประกาศให้ประชาชนยูเครนทราบว่าจะมีการจำกัดช่องทางสัญจรเพื่อเข้ามายังกรุงเคียฟตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนเป็นต้นไป”
ในคืนวันอังคาร (18) บริเวณจัตุรัสเอกราชถูกแปรเปลี่ยนเป็นเขตสงคราม เมื่อตำรวจปราบจลาจลยูเครนเคลื่อนพลรุกคืบไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ฝ่าแนวกั้นหมายยึดพื้นที่คืน ไม่นานหลังจากกองกำลังด้านความมั่นคงขีดเส้นตายให้ผู้ชุมนุมหยุดก่อความวุ่นวาย ไม่อย่างนั้นจะต้องเผชิญกับมาตรการที่หนักหน่วง
อย่างไรก็ตาม ระหว่างนั้นผู้ประท้วงก็ตอบโต้ด้วยระเบิดเพลิง พลุไฟและก้อนหิน รวมทั้งยังจุดไฟเผายางรถยนต์ ส่งกลุ่มควันหนาทึบลอยขึ้นสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืน ส่งผลให้มีผู้ประท้วงอย่างน้อย 25รายต้องเสียชีวิต ที่รวมไปถึงตำรวจอีก 7 นายที่ต้องจบชีวิตในขณะปฎิบัติหน้าที่ อ้างจากการรายงานของกระทรวงสาธารณสุขยูเครนในวันนี้ (19)หลังจากที่การอภิปรายในรัฐสภาเพื่อลงมติลิดรอนอำนาจยานูโควิชโดยต้องการนำรัฐธรรมนูญฉบับปี 2004 กลับมาใช้ต้องถูกเลื่อนออกไป
ความรุนแรงการปะทะได้ถูกถ่ายทอดผ่านทางหน้าจอทีวี รวมถึงเหตุการณ์ที่ผู้ประท้วงได้ลากตำรวจปราบจลาจลออกจากรถตู้ของตำรวจ และรวมถึงภาพสยองที่ร่างของผู้ประท้วงถูกไฟลุกไหม้ในขณะที่เขากำลังวิ่งอยู่
มีผู้ประท้วงยูเครนที่นิยมตะวันตกร่วม 20,000 คนปักหลักปะทะเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลด้วย ก้อนหิน ไม้ตีเบสบอล ระเบิดเพลิง พร้อมกับร้องเพลง “ยูเครนที่รุ่งโรจน์” และรวมไปถึงภาพที่น่าตกใจที่เห็นหลายชั้นของตึกสำนักงานเทรดยูเนียนที่เป็นศูนย์บัญชาการของฝ่ายค้านยูเครนถูกจุดไฟเผาลุกไหม้
นอกจากนี้แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดของยานูโควิชได้เปิดเผยว่า การพูดคุยได้เริ่มขึ้นเพื่อหาช่องทางยุติความรุนแรง แต่ทว่าวิตาลี คลิตช์โก แกนนำฝ่ายค้าน ได้กล่าวว่าการเจรจาได้ล้มไปแล้ว โดยเขายืนยันว่า ยานูโควิชต้องถอนตำรวจปราบจลาจลกลับไปเสียก่อน และประกาศกร้าวว่าผู้ประท้วงจะไม่ไปไหนทั้งนั้น “นี่คือเกาะเล็กๆ แห่งเสรีภาพ” ขณะที่แกนนำคนอื่นๆ ก็ตะโกนกระตุ้นผู้สนับสนุนอยู่เป็นระยะๆ
นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขยูเครนได้เปิดเผยในวันนี้ (19) ถึงยอดผู้บาดเจ็บราว 241 รายที่ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ที่รวมถึงตำรวจ 79 นาย และผู้สื่อข่าว 5 คน โดยรายงานก่อนหน้านี้อ้างว่าตำรวจยูเครนจำนวน 13 นายได้รับบาดเจ็บจากพิษบาดแผลกระสุนปืน
ในวันนี้ (19) ยานูโควิชได้เปิดแถลงว่า ผู้ประท้วงยูเครนล้ำเส้นที่พยายามบีบให้เขาต้องหมดอำนาจ จนทำให้ต้องนำไปสู่การใช้กำลัง และยังประนามฝ่ายค้านยูเครนไม่ยึดถือหลักการประชาธิปไตยที่อำนาจต้องมาจากการเลือก ตั้งแต่กลับก้าวข้ามโดยการสนับสนุนให้ผู้คนจับอาวุธ
นอกจากนี้ ยานูโควิช ยังเรียกร้องให้ฝ่ายค้านยูเครนตีตัวออกห่างกลุ่มผู้ประท้วงนิยมความรุนแรง หรือมิเช่นนั้นต้องยอมรับว่าเป็นผู้อยู่ให้การสนับสนุนพวกนั้น