เอเอฟพี – ชาวหมู่เกาะมาร์แชลคู่แรกที่พบ โฮเซ ซัลบาดอร์ อัลบาเรนกา ชายที่ลอยเท้งเต้งกลางมหาสมุทรแปซิฟิกมานานถึง 13 เดือน ได้เปิดเผยเรื่องราวเพิ่มเติมของเขาแล้ว ซึ่งรวมถึงวิธีที่ว่าชาวบ้านบนหมู่เกาะนี้สื่อสารกับเขาด้วยภาษาสเปนแบบงูๆ ปลาๆ ที่เรียนรู้จากรายการโทรทัศน์ยอดนิยมสำหรับเด็กที่มีชื่อว่า “โดรา นักสำรวจ”
จนกระทั่งบัดนี้ แทบจะไม่มีใครทราบว่าชายผู้นี้มาถึงเอบอน เกาะปะการังรูปวงแหวนซึ่งอยู่ริมนอกสุดของหมู่เกาะมาร์แชล ได้อย่างไร ภายหลังที่เขาออกเดินทางล่าฉลามเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2012 โดยหมู่เกาะแห่งนี้มีโทรศัพท์เพียงหมายเลขเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เอียวเน เด บรุม นายกเทศมนตรีของเกาะเอบอนเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า อัลบาเรนกาพายเรือเข้ามาเกยตื้นเมื่อคืนวันที่ 29 มกราคม ภายหลังเดินทางเป็นระยะทาง 12,500 กิโลเมตร
การศึกษาลมแน่ทิศ (Prevailing wind) และสภาพกระแสน้ำ โดยมหาวิทยาลัยฮาวาย ของสหรัฐฯ ชี้ว่าการผจญภัยของเขาน่าจะเกิดขึ้นจริง ด้วยการใช้แบบจำลองแกะรอยเส้นทางแคบๆ จากมหาสมุทรแปซิฟิกมาถึงหมู่เกาะเอบอนภายในระยะทาง 120 ไมล์
“เขามาถึงปลายเกาะที่ไม่มีคนอยู่ แต่เป็นจุดที่มีข้อได้เปรียบเนื่องจากเขาสามารถมองเห็นบ้านหลังเดียวที่อยู่บนเกาะใกล้ๆ กัน” บรุมกล่าว
เธอชี้ว่า เกาะปะการังซึ่งปกคลุมด้วยป่ามะพร้าวทั้งสองแห่งอยู่ใกล้กันชนิดที่ว่าขว้างก้อนหินไปถึงได้และ “สามารถตะโกนหากันข้ามเกาะได้” และอัลบาเรนกาก็ทำเช่นนั้น ภายหลังที่ดวงอาทิตย์ส่องแสงทำให้เขามองเห็นว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
เอมี ลีบอกเมโต และรัสเซล ไลเจดริก ชาวบ้านเพียงสองคนที่อาศัยบนเกาะขนาดเล็กชื่อ “เอเนไอต็อก” เล่าว่าพวกเขาได้ยินเสียงร้องตะโกน และเห็นอัลบาเรนกาบนเกาะปะการังข้างๆ
สองสามีภรรยาคือคนคู่แรกที่เขาได้พบในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่เขาวางแผนล่องเรือออกจากชายฝั่งเม็กซิโกเพื่อออกหาปลาเพียงวันเดียวกับเพื่อนอีกคน ซึ่งจบชีวิตลงเมื่อร่อนเร่พเนจรกลางทะเลมาได้ 4 เดือนเพราะอดอาหาร และพลัดตกเรือ
อัลบาเรนการ้องตะโกนไม่เป็นภาษาและโบกมือทั้งที่กำมีดเล่มหนึ่งไว้ ลีบอกเมโตเล่า
เมื่อทั้งสองคนพูดภาษาอังกฤษแบบงูๆ ปลาๆ เพื่อบอกให้เขาวางมีดลง อัลบาเรนกา ที่มีหนวดเครารุงรังและสวมกางเกงชั้นในขาดวิ่นก็ทำตามโดยทันที
ทั้งสองเล่าต่อว่า พาชายคนนี้กลับไปที่บ้าน แล้วลีบอกเมโตก็นำน้ำสะอาดถังใหญ่มาให้เขาชำระล้างร่างกายเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี จากนั้นก็เตรียมเสื้อผ้าให้เขาใส่
เมื่อไม่สามารถสื่อสารทางวาจาได้ เนื่องจากเขาพูดภาษาสเปนแต่พวกเขาพูดคนละภาษา สามีภรรยาคู่นี้จึงนำกระดาษและปากกาเมจิกสีดำมาให้เขา ขณะที่ลีบอกเมโตทำแพนเค้กให้เขากิน และพบว่าเขากินหมดอย่างรวดเร็วโดยแทบไม่เคี้ยว
ไลเจดริกเก็บโน้ตข้อความที่อัลบาเรนกาเขียนแล้วล่องเรือข้ามไปยังเกาะเอบอน สถานที่ซึ่งเขาส่งเด็กชายคนหนึ่งไปพาตัวนายกเทศมนตรี เด บรุม และลากเรือของอัลบาเรนกากลับเข้าฝั่ง
เด บรุม รีบเรียกตัว ผู้ช่วยด้านสาธารณสุข อธิบดีกรมตำรวจของหมู่เกาะ และโอลา เอฟเยลด์สแต็ด นักศึกษาภาควิชามานุษยวิทยาชาวสวีเดนที่เดินทางมาทำการศึกษาบนหมู่เกาะมาร์แชล และเป็นชาวต่างชาติเพียงคนเดียวบนหมู่เกาะแห่งนี้มารวมตัวกัน
พวกเขาเก็บมะพร้าวและกล้วย ก่อนจะรีบเดินทางมาพบชายแปลกหน้าคนนี้ พร้อมทั้งตรวจสุขภาพของเขาแบบพอสังเขป และตรวจสอบเรือความยาว 24 ฟุตของเขา ซึ่งเครื่องยนต์เสียมานานแล้ว
นายกเทศมนตรีผู้นี้พบว่า ลูกชายของเธอพอจะรู้ภาษาสเปนอยู่บ้างจากการเรียนรู้ผ่านรายการการ์ตูน “โดรา นักสำรวจ” และจากภาพที่อัลบาเรนกาวาดเพื่ออธิบายสถานที่ซึ่งเขาจากมาให้พอเข้าใจคร่าวๆ
อัลบาเรนกากล่าวว่า เขาประทังชีวิตด้วยเนื้อนกดิบ เลือดเต่า ปัสสาวะตัวเอง และน้ำฝน ทั้งยังฝันว่าเขากำลังกินตอร์ตียา อาหารจานโปรดของเขา ขณะที่นำกระดองเต่ามาเป็นแก้วใส่น้ำดื่ม
ชายที่ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางทะเลนับปีผู้นี้ตกอยู่ในสภาพหิวโหย แต่เขาไม่ได้ต้องการเฉพาะอาหารเท่านั้น
“เขาต้องการบอกอะไรเราหลายอย่างมากจนเขาพูดรัวไปหมด แต่เราไม่เข้าใจ” นายกเทศมนตรีกล่าว พร้อมทั้งเสริมว่าเธอไม่ยอมให้เขาใช้โทรศัพท์ติดต่อไปหาครอบครัว แต่เธอเลือกเป็นฝ่ายโทรศัพท์ถึงกระทรวงการต่างประเทศในกรุงมาจูโร ของหมู่เกาะมาร์แชลแทน เนื่องจากยังไม่ไว้ใจเขา
ชาวเอลซัลวาดอร์ผู้นี้ยังอาศัยอยู่บนเกาะเอบอนต่อไปอีก 5 วัน จนกระทั่งเรือตรวจการณ์ของรัฐบาลมาร์แชลพาเขาไปที่กรุงมาจูโร สถานที่ที่เขาเดินทางมุ่งหน้ากลับยังเอลซัลวาดอร์ เพื่อไปพบหน้าครอบครัวของตัวเองอีกครั้ง
ทั้งนี้ เขายกเรือของตัวเองให้ลีบอกเมโต และไลเจดริก ซึ่งตอนนี้ทั้งสองใช้เป็นเรือขนสินค้าและใช้ขนส่งผู้โดยสารที่เกาะเอบอน