เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รัฐบาลโมซัมบิกประกาศในวันอังคาร (11 ก.พ.) โดยยืนยันประเทศของตนจะปลอดจาก “กับระเบิด” อย่างสิ้นเชิงภายในสิ้นปีนี้
รายงานข่าวซึ่งอ้างคำแถลงของประธานาธิบดีอาร์มันโด กวยบูซา ผู้นำโมซัมบิกวัย 71 ปีที่ก้าวขึ้นครองอำนาจมาตั้งแต่เมื่อปี 2005 ระบุว่า ประเทศของตนจะกลายเป็นดินแดนที่ปลอดจากกับระเบิดอย่างสิ้นเชิงภายในสิ้นปีนี้ หลังจากที่การเก็บกู้กับระเบิดจำนวนหลายล้านลูกที่ถูกฝังไว้ใต้ดินตั้งแต่สมัยสงครามต่อสู้เพื่อปลดแอกประเทศจากการยึดครองของโปรตุเกสมีความคืบหน้าอย่างสำคัญ
ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีกวยบูซามีขึ้น หลังจากที่อันโตนิโอ มาร์ตินส์ ผู้อำนวยการสถาบัน “National Demining Institute” ออกมายืนยันว่าพื้นที่ที่เคยเป็นดงกับระเบิดในโมซัมบิกกว่า 9.33 ล้านตารางเมตรได้กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยแล้ว จากความพยายามนานหลายปีของนานาชาติในการเก็บกู้กับระเบิดที่ถูกฝังไว้ใต้ดิน
อย่างไรก็ดี รายงานข่าวระบุว่า ในขณะนี้ยังมีพื้นที่ต้องสงสัยอีกมากกว่า 5.6 ล้านตารางเมตรใน 19 เขตทั่วโมซัมบิกที่ยังมีความจำเป็นต้องดำเนินการตรวจสอบและเก็บกู้กับระเบิดต่อไป โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณรอยต่อชายแดนโมซัมบิก-ซิมบับเวและคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รัฐบาลโมซัมบิกยืนยันว่า ขณะนี้พื้นที่ 4 จังหวัดจากทั้งหมด 11 จังหวัด คือ นิอัสซา, คาโบ เดลกาโด, นัมปูลา และซัมเบเซีย รวมถึงกรุงมาปูโต ได้กลายเป็นพื้นที่ปลอดกับระเบิด 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว โดยรัฐบาลตั้งเป้าเดินหน้าเคลียร์พื้นที่ในจังหวัดที่เหลือ เพื่อขจัดอาวุธสังหารชนิดนี้ให้หมดไปภายในสิ้นปีนี้
ด้านองค์กร “ฮาโล ทรัสต์” กลุ่มเอ็นจีโอที่มีฐานอยู่ในอังกฤษออกมาเปิดเผยว่า องค์กรของตนได้ให้ความช่วยเหลือในการทำลายกับระเบิดมากกว่า 100,000 ลูกที่ถูกฝังอยู่ทางตอนเหนือของโมซัมบิก ขณะที่ในปีที่แล้วผู้เชี่ยวชาญของตนสามารถเก็บกู้และทำลายกับระเบิดในโมซัมบิกได้โดยเฉลี่ย 799 ลูกต่อเดือน
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงกิจการสตรีและสวัสดิการสังคมของโมซัมบิกระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา มีผู้เหยียบกับระเบิดทั่วโมซัมบิก 116 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ 45 รายเสียชีวิต ส่วนที่เหลือต้องกลายสภาพเป็นคนพิการ แต่หากนับรวมเหยื่อกับระเบิดทั่วประเทศนับตั้งแต่ยุคสงครามกับโปรตุเกสแล้ว จะพบว่าผู้ที่ต้องสูญเสียอวัยวะจากผลของกับระเบิดทั่วโมซัมบิกมีจำนวนมากกว่า 474,000 คน
