ชายที่ “ลอยเท้งเต้ง” กลางแปซิฟิกกว่าปี ยังชีพด้วย “ปลาดิบ-เลือดเต่า” กลับถึงบ้านเกิดแล้ว

เอเอฟพี - ชายชาวเอลซัลวาดอร์ที่เล่าว่าลอยเคว้งคว้างอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิกมานานถึง 13 เดือน เดินทางมาถึงประเทศบ้านเกิดของเขาวานนี้ (11 ก.พ.) ในสภาพนั่งรถเข็น แต่เขายังรู้สึกสะเทือนใจเกินกว่าที่จะให้สัมภาษณ์ได้ ในเวลาที่ประเทศนี้ต้อนรับการกลับมาของชายผู้เป็นตำนาน

ขณะที่โฮเซ ซัลบาดอร์ อัลบาเรนกา ส่ายศีรษะและโบกมือให้ช่างภาพหลายสิบคนซึ่งรออยู่ที่สนามบินหลักของเอลซัลวาดอร์ เขาพึมพำเบาๆ ไม่กี่คำ ภายหลังที่เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วเขาถูกซัดขึ้นมาเกยตื้นบนหมู่เกาะมาร์แชล

หลังนั่งเครื่องบินนาน 2 วันจนมาถึงดินแดนบ้านเกิด ชาวประมงวัย 37 ปีผู้นี้ส่งไมโครโฟนคืนให้ เฮย์เม มิรันดา รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดตาแล้วถูกเจ้าหน้าที่พาตัวจากไป

เรื่องราวการผจญภัยของเขาทำให้ทั่วโลกต้องหันมาจับตามอง โดยมีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อ ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงทางการจังโก้ ตลอดจนชาวประมงที่บอกว่าเคยออกตามหาเขา ภายหลังที่เขาหายตัวไปจากชายฝั่งเม็กซิโกเมื่อปลายปี 2012

อัลบาเรนกาบอกว่า เขาสามารถเอาชีวิตรอดจากการเดินทางครั้งมหากาพย์ระยะทาง 12,500 กิโลเมตร บนเรือไฟเบอร์กลาส ความยาว 7 เมตรครั้งนี้ โดยประทังชีวิตด้วยการกินปลาและนกดิบๆ ขณะที่ดื่มเลือดเต่า และปัสสาวะตัวเองในวันที่ฝนไม่ตก

อย่างไรก็ตาม เพื่อนร่วมทางวัย 24 ปีของเขาได้เสียชีวิตหลังจากออกรอนแรมกลางทะเลมาได้ 4 เดือน ขณะที่อัลบาเรนกายังมีชีวิตรอดจนเดินทางมาถึงหมู่เกาะปะการังรูปวงแหวนเมื่อวันที่ 30 มกราคม

มีความคาดหมายว่า อัลบาเรนกา ซึ่งบัดนี้ตัดผมสั้นและโกนหนวดเคราจนดูสะอาดสะอ้าน จะถูกส่งตัวไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลซึ่งตั้งอยู่ใกล้กรุงซันซัลวาดอร์ โดยแพทย์ที่โรงพยาบาลดังกล่าวจะเป็นผู้ตัดสินใจว่าเมื่อใด จึงจะอนุญาตให้เขากลับหมู่บ้านบนชายฝั่งแปซิฟิก สถานที่ซึ่งเขาจากมาเมื่อราว 15 ปีก่อน

แม้ว่าพ่อแม่ และฟาติมา ลูกสาววัย 14 ปีของเขา จะไม่ได้เดินทางมาต้อนรับเขาถึงสนามบิน แต่ก็ได้ร่วมกันประดับประดาบ้านที่การิตา ปัลเมรา ด้วยลูกโป่งสีน้ำเงิน ใบปาล์ม และป้าย “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน” เพื่อแสดงความยินดีที่เขากลับมา

พวกเขาเห็นอัลบาเรนกาครั้งสุดท้ายเมื่อ 6 ปีก่อน และเชื่อว่าเขาตายไปนานแล้ว

อัลบาเรนกาย้ายไปอาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งทางใต้ของเม็กซิโกนานหลายปี ก่อนจะแล่นเรือลำเล็กเพื่อออกหาปลาตั้งแต่ปลายปี 2012 จากนั้นก็หลงทาง และลอยเคว้งคว้างออกไปไกลราว 12,500 กิโลเมตร จนกระทั่งมาถึงหมู่เกาะมาร์แชล

ภายหลังที่ สุขภาพอันทรุดโทรมของเขาทำให้ต้องเลื่อนกำหนดการเดินทางออกจากหมู่เกาะมาร์แชลไปจนกระทั่งเมื่อวันจันทร์ (10) ทางการก็อนุญาตให้เขากลับบ้านได้ ขณะที่มีการตรวจสุขภาพเขาทุกครั้งที่เปลี่ยนเที่ยวบิน

เขาโดยสารเที่ยวบินที่มุ่งตรงสู่ฮาวาย จากนั้นก็ต่อเที่ยวบินที่ลอสแองเจลิส และมาถึงเอลซัลวาดอร์เมื่อเวลาราว 8.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับ 09.00 น.ในเมืองไทย)

ทั้งนี้ ทางการกล่าวว่า แม้ว่าเขายังมีสุขภาพอ่อนแอ และมีเท้าบวม แต่ก็ถือว่าอาการของเขาอยู่ในระดับคงที่

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อัลบาเรนกาบอกเอเอฟพีว่า เอเซกีเอล กอร์โดบา เพื่อนร่วมทางวัย 24 ปีของเขา อดตายหลังแล่นเรือออกมาได้ 4 เดือน เพราะอาเจียนทุกครั้งที่กินปลาและนกดิบๆ เข้าไป

ครอบครัวของกอร์โดบา ซึ่งอาศัยอยู่ในรัฐเชียปัส ทางใต้ของเม็กซิโกกล่าวว่า พวกเขาต้องการให้อัลบาเรนกาเดินทางมาพบ แล้วเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้กล่าวโทษว่าอัลบาเรนกาเป็นคนทำให้กอร์โดบาตายก็ตาม

เรื่องราวปาฏิหาริย์ของอัลบาเรนกาได้สร้างความฉงนสงสัย เมื่อสื่อนำเสนอรูปขณะที่เขาไว้หนวดเครารุงรัง ผมเผ้ายุ่งเหยิงแต่กลับมีรูปร่างอวบอ้วน

อย่างไรก็ดี บรรดาเจ้าหน้าที่กล่าวว่าเรื่องที่ชายผู้นี้เล่ามีข้อพิสูจน์ ขณะที่บรรดาผู้สันทัดกรณีชี้ว่าในทางทฤษฎีแล้ว พบว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีผู้รอดชีวิตจากการลอยกลางทะเลเป็นเวลานานเช่นนี้

ทางด้าน ชาวประมงในหมู่บ้านโชโกอุยตัลก็เชื่อสิ่งที่เขาเล่า พร้อมทั้งบอกว่าพวกเขาเคยออกตามหาอัลบาเรนกา ตอนที่เขาหายตัวไปเมื่อปลายปี 2012 และเมื่อเห็นภาพเรือของเขาที่หมู่เกาะมาร์แชลก็รู้ทันทีว่าเป็นเขา