เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - โฮเซ ซัลบาดอร์ อัลบาเรนกา ชายที่ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางทะเลนานกว่าหนึ่งปี มีกำหนดจะออกจากหมู่เกาะมาร์แชลเพื่อเดินทางกลับเอลซัลวาดอร์ ประเทศบ้านเกิดของเขาในวันนี้ (10 ก.พ.) ภายหลังที่บรรดาแพทย์อนุญาตให้เขากลับบ้านได้แล้ว แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์เผย
ชายชาวประมงที่เล่าว่า เขาต้องลอยเท้งเต้งอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิกมานานถึง 13 เดือนผู้นี้ ต้องรอให้แพทย์อนุมัติก่อนจึงจะกลับบ้านได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้เขามีสุขภาพทรุดโทรมหลังผ่านการเดินทางอันลำบากยากแค้น ซึ่งยุติลง 12 วันก่อน เมื่อคลื่นซัดเรือของเขาขึ้นมาเกยตื้นที่หมู่เกาะปะการังรูปวงแหวน
ทางการหมู่เกาะมาร์แชลได้ห้ามไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไปรบกวนชายผู้รอดชีวิตที่อ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรงผู้นี้ นับตั้งตั้งแต่ที่เขาเผชิญกับบรรดานักข่าวที่รุมล้อมขอสัมภาษณ์ เพียงไม่นานนักหลังจากที่เขาเดินทางมาถึงกรุงมาจูโร แต่แหล่งข่าวรายหนึ่งบอกกับเอเอฟพีว่า มีความคาดหมายว่าเขาจะเดินทางกลับบ้านในคืนนี้ (10) ด้วยเที่ยวบินที่มุ่งหน้าสู่ฮาวาย
เมื่อเดินทางไปถึงฮาวาย เขาก็จะมุ่งตรงไปยังเอลซัลวาดอร์ผ่านทางชายฝั่งเวสต์โคสต์ของสหรัฐฯ เพื่อกลับไปพบหน้าครอบครัวที่คิดว่าเขาคงเสียชีวิตไปนานแล้ว
นับตั้งแต่เดินทางมาถึงกรุงมาจูโร ชายวัย 37 ปีผู้นี้ก็เข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลด้วยอาการขาดน้ำและอาการเจ็บป่วยอื่นๆ มากมาย ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่เขากินปลา และนกดิบๆ ตลอดจนดื่มเลือดเต่า และปัสสาวะของตนเอง
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อัลบาเรนกากล่าวกับเอเอฟพีว่า เพื่อนร่วมทางวัย 24 ปีของเขาซึ่งมีชื่อว่า เอเซกีเอล กอร์โดบา ไม่สามารถกินอาหารประทังชีวิตยามฉุกเฉินพวกนี้ได้ จึงไม่สามารถเอาชีวิตรอดในการเดินทางจากเม็กซิโกเป็นระยะทาง 12,500 กิโลเมตรครั้งนี้
แม้ว่าชายชาวซัลวาดอร์ผู้นี้ดูมีสุขภาพแข็งแรงขณะเพิ่งเดินทางมาถึงกรุงมาจูโร แต่ก็บ่นว่ามีอาการปวดหลัง และปวดบวมตามข้อ ตลอดจนรู้สึกอ่อนเพลียตั้งแต่นั้นมา
นอกจากนี้ แฟรงกลิน เฮาส์ แพทย์ปลดเกษียณชาวอเมริกันซึ่งเป็นผู้ตรวจสุขภาพของอัลบาเรนเก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาชี้ด้วยว่า เขามีอาการเครียดจากเหตุวินาศภัย
อัลบาเรนเก เคยอยู่อาศัยที่เม็กซิโกในฐานะผู้อพยพผิดกฎหมายมานานกว่าหนึ่งทศวรรษ ก่อนจะออกเดินทางเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อล่าฉลาม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางมหากาพย์ในปลายปี 2012 ครั้งนี้ โดยเขาได้แสดงออกถึงความต้องการกลับไปยังประเทศที่พักพิงของเขาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม คริสเตียน ไกลย์ เมนเดซ อัครราชทูตเม็กซิโกประจำกรุงมะนิลา ซึ่งในเวลานี้เดินทางมายังกรุงมาจูโรเพื่อช่วยประสานงานส่งอัลบาเรนเก กลับประเทศ ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า เขาจะต้องเดินทางกลับเอลซัลวาดอร์ก่อน แล้วจึงทำเรื่องขอเข้าเม็กซิโกอย่างถูกกฎหมาย
พ่อแม่ของเขา ซึ่งกล่าวว่าการที่เขารอดชีวิตเป็นผลมาจาก “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้เกิดปาฏิหาริย์” นั้นอยู่อาศัยในภาคตะวันตกของเอลซัลวาดอร์ บริเวณใกล้กับพรมแดนกัวเตมาลา ซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกเขาเลี้ยงดูฟาติมา ลูกสาววัย 14 ปีของอัลบาเรนเก
อย่างไรก็ตาม เด็กสาวผู้นี้แทบจะจำเรื่องเกี่ยวกับพ่อของเธอไม่ได้เลย ทั้งยังนึกหน้าของเขาไม่ออก จนกระทั่งหนังสือพิมพ์พากันลงภาพของชายชาวประมงเตี้ยล่ำ หนวดเครารุงรัง ผมเผ้ายุ่งเหยิง ที่ถูกคลื่นซัดไปเกยตื้นที่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรแปซิฟิกผู้นี้
ก่อนหน้านี้ เขามีกำหนดจะเดินทางกลับบ้านเกิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7) แต่กระทรวงการต่างประเทศเอลซัลวาดอร์กล่าวว่า มีนักการทูตคนหนึ่งของประเทศเดินทางไปเยี่ยมเขาและ “ยืนยันว่าสุขภาพของนายอัลบาเรนเกยังทรุดโทรม” และต้องรอให้เขามีร่างกายแข็งแรงดีก่อนจึงจะสามารถเดินทางออกจากหมู่เกาะมาร์แชลได้
