xs
xsm
sm
md
lg

“นักโทษหญิงมะกัน” คดีสังหารโหดชายวิกลจริตปี 88 ถูกประหารชีวิตเป็นรายที่ 14 หลังจากยื่นอุทธรณ์ขอชีวิตในนาทีสุดท้ายตกไป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ – ซูซาน แบสโซ วัย 59 ปี ผู้ต้องหาหญิงชาวเท็กซัสจากข้อหากักขัง ทรมาน และฆ่า หลุยส์ มัสโซ ชายวิกลจริต ในปี 1988 เพื่อหวังฮุบเงินประกันชีวิตชายคนที่เธอหลอกว่าจะแต่งงานด้วย แบสโซถูกประหารชีวิตด้วยการฉีดยาพิษเข้าเส้นเมื่อเย็นวานนี้(5) หลังจากที่ศาลสูงสหรัฐฯได้ยกคำร้องอุทธรณ์ของเธอตกไป ซึ่งแบสโซถือเป็นนักโทษหญิงรายที่ 14 ของประเทศนับตั้งแต่ปี 1976

ซูซาน แบสโซ วัย 59 ปี ชาวเท็กซัสถือเป็นนักโทษประหารชีวิตหญิงรายที่ 14 ของประเทศนับตั้งแต่ปี 1976 เมือศาลสูงสหรัฐฯพิพากษายืนสั่งโทษประหารชีวิตเธอในเวลา 18.00น.ในวันพุธ(5)

โดยแบสโซถูกจับกุมในข้อหากักขัง ทรมาน และฆ่า หลุยส์ มัสโซ ชายวิกลจริต หลังจากที่เธอได้สัญญาว่าจะแต่งงานกับเขาในรัฐนิวเจอร์ซีย์ และลวงมัสโซมายังรัฐเท็กซัสในปี 1988 โดยมัสโซนั้นถูกแบสโซและกลุ่มคน 5 คนที่สมรู้ร่วมคิด รุมทำร้ายโดยใช้ไม้เบสบอล ส้นรองเท้าบูทที่ทำด้วยเหล็ก รวมไปถึงถูกเตะและกระทืบอย่างป่าเถื่อน และใช้บุหรี่จี้

และอ้างจากรอยเตอร์ ในรายงานของศาลชี้ว่า แบสโซสังหารมัสโซเพื่อหวังฮุบเงินประกันชีวิตของเขาที่มีชื่อเธอเป็นผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งวินสตัน โคชแรน ทนายประจำตัวของแบสโซโต้แย้งต่อข้อกล่าวหาทั้งหมดของลูกความเขาโดยระบุว่า ไม่มีหลักฐานชี้ชัดถึงความเชื่อมโยงระหว่างลูกความและอาชญากรรมเหล่านี้ และโคชแรนยังอ้างว่าแบสโซนั้นวิกลจริตจึงไม่สมควรที่จะได้รับโทษประหารชีวิต

และรอยเตอร์ได้รายงานว่า โคชแรนได้ยื่นขออุทธรณ์ต่อศาลสูงสหรัฐฯเพื่อชะลอการประหารชีวิตออกไป แต่ทว่าศาลสหรัฐฯได้ยกคำร้องอุทธรณ์ของโคชแรนในวันอังคาร(4) ซึ่งทำให้โอกาสสุดท้ายของแบสโซที่จะไม่ถูกประหารชีวิตด้วยการฉีดยาพิษเข้าเส้นต้องหมดไป

โดยโคชแรนได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ ในกรณีที่ขาดหลักฐานมัดตัวแบสโซในคดีนี้ ซึ่งโคชแรนเผยว่าคำให้การนั้นมาจาก พอล ชโรด อดีตเจ้าหน้าที่นิติวิทยาของแฮรีสเคาน์ตีซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัย ซึ่งชโรดได้สร้างหลักฐานเท็จและทำให้ข้อสันนิษฐานนั้นขยายออกไป และหลังจากที่ชโรดได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้านิติวิทยาแห่งเอล ปาโซ เขาโดนไล่ออกหลังจากคำให้การของชโรดที่ให้ไว้ในคดีก่อนหน้านั้นเป็นเท็จ

“อัยการไม่สามารถชี้ได้ว่าใครเป็นคนฆ่า” โคชแรนเผยต่อเดอะการ์เดียน “พวกเขามีแผนกพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ที่แย่ในคดีนี้ และพวกเขาไม่ได้ทำอะไรซักอย่าง ลูกความของผมเป็นหญิงที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานมาก และไม่ใช่คนหน้าตาดี แต่ยังสืบคดีเสมือนว่าเธอเป็นผู้บงการ อัยการบางคนหาความก้าวหน้าทางหน้าที่ดวยการทำคดีแบบนี้”

นอกจากนี้โคชแรนยังอ้างว่า การสืบสวนคดีในตอนเริ่มต้นได้เพิกเฉยหลักฐานที่แบสโซมีอาการทางจิต แต่ทว่าแบสโซได้ให้การในชั้นศาลเมื่อปีที่แล้วว่า เธอพิการเป็นอัมพาตเนื่องมาจากถูกเจ้าหน้าที่เรือนจำทำร้าย และแบสโซยังอ้างว่าพยาบาลของเรือนจำพยายามที่จะเอาชีวิตเธอโดยแอบปล่อยงูเข้าไปในห้องขังที่เธออยู่

และกลุ่มคนที่สมรู้ร่วมคิดในการก่อคดีร่วมกับแบสโซอีก 5 คนได้รับโทษจำคุก แต่ทว่ามีเพียงแบสโซเท่านั้นที่ถูกตัดสินประหารชีวิต โดยหลังจากศาลสูงสั่งยืนยันการประหารชีวิตแบสโซในเวลา 18.00น.วันพุธ(5) ท่ามกลางข้อถกเถียงเมื่อเร็วๆนี้เรื่องการประหารชีวิตด้วยวิธีการฉีดยาเข้าเส้น3 เข็มในสหรัฐฯ ที่หลายๆมลรัฐทั่วสหรัฐฯได้ยกเลิกวิธีประหารชีวิตแบบนี้และหันไปใช้วิธีอื่น ประกอบกับบริษัทยาในยุโรปได้ปฎิเสธที่จะจำหน่ายยาพิษประเภทนี้ด้วยเหตุผลด้านจริยธรรม

โดยในช่วงเวลาที่แบสโซจะถูกประหาร มีรายงานว่า เธอไม่ได้กล่าวแถลงใดออกมาเป็นครั้งสุดท้าย เธอเพียงหันไปยิ้มให้กับเพื่อนของเธอ 2 คนที่เข้าร่วมดูการประหารชีวิต และนักข่าวเอพีรายงานว่า ดูเหมือนแบสโซเกือบจะร้องไห้ โดยเธอเริ่มกรนหลังจากถูกฉีดยาพิษ 3 เข็มเข้าไป แล้วหลังจากนั้นหัวใจได้หยุดเต้น โดยมีประกาศการเสียชีวิตของแบสโซหลังจาก 11 นาทีผ่านไปแล้ว

มีเพียงนักโทษหญิงจำนวน 60 รายจากนักโทษประหารชีวิตในสหรัฐฯจำนวนทั้งสิ้น 3,100 ราย ซึ่งถือว่ามีนักโทษหญิงแค่ 2% ของจำนวนนักโทษประหารทั้งหมด
กำลังโหลดความคิดเห็น