xs
xsm
sm
md
lg

ฉาวไม่เลิก! กก.บริหารสถานี “เอ็นเอชเค” บอก “คว้านท้อง” เป็นรูปแบบการอุทิศตนขั้นสูงสุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชูสุเกะ โนมุระ ผู้นำฝ่ายขวาซึ่งเมื่อ 20 ปีที่แล้วได้ทำฮาราคีรีในสำนักงานใหญ่ของหนังสือพิมพ์รายวัน อาซาฮี ชิมบุน ขณะเข้าพบนักเขียนการ์ตูนของสำนักพิมพ์ที่เขียนภาพล้อเลียนดูหมิ่่นกลุ่มฝ่ายขวาของเขา
เอเอฟพี – สตรีคนหนึ่งซึ่งนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่นแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการบริหารสถานีโทรทัศน์แห่งชาติญี่ปุ่น (เอ็นเอชเค) ยกย่องสรรเสริญหัวหน้ากลุ่มฝ่ายขวาผู้มีชื่อเสียงที่ทำฮาราคีรี (การฆ่าตัวตายด้วยวิธีคว้านท้อง) โดยระบุว่าเป็นการสละชีพเพื่อให้องค์จักรพรรดิของญี่ปุ่นกลับมาเป็นเทพเจ้าที่มีชีวิตอีกครั้ง

การเปิดเผยเช่นนี้มีขึ้นภายหลังที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่กระตุ้นให้เกิดการตั้งคำถามถึงความมีศีลธรรมจรรยาของฝ่ายบริหารสถานีโทรทัศน์สาธารณะเจ้านี้

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สมาชิกอีกคนหนึ่งในคณะกรรมการชุดเดียวกันได้ชี้ว่าเหตุการณ์สังหารหมู่นานกิงเป็นเพียง “โฆษณาชวนเชื่อ” ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้บริหารของเอ็นเอชเคก็แสดงทัศนะว่าการบังคับขู่เข็ญสตรีท้องถิ่นมาบำเรอกามารมณ์ของทหารในกองทัพญี่ปุ่นนั้นเป็น “เรื่องปกติ” ของกองทัพทุกชาติที่ทำสงคราม

ในความเรียงของเธอที่ถูกนำออกเผยแพร่เมื่อเดือนตุลาคม ของปีที่ผ่านมา ก่อนจะเข้ามาดำรงตำแหน่งในเอ็นเอชเคได้หนึ่งเดือน มิชิโกะ ฮาเซกาว่า ได้กล่าวยกย่องชูสุเกะ โนมุระ พวกชาตินิยมสุดโต่งที่ทำฮาราคีรีในสำนักพิมพ์ “อาซาฮี” หนังสือพิมพ์อิสระ เมื่อปี 1993 เพื่อตอบโต้ผู้ที่ลบหลู่ดูหมิ่นกลุ่มฝ่ายขวาของเขา

เมื่อมองย้อนกลับไปอย่างน้อยในยุคศักดินา ชาวญี่ปุ่นถือว่าการฆ่าตัวตายเป็นการรักษาเกียรติยศ ยูคิโอะ มิชิมะ นักเขียนฝ่ายขวาที่มีชื่อเสียงก็คว้านท้องตนเอง ภายหลังที่ความพยายามทำรัฐประหารของเขาล้มเหลวลง

“มนุษย์สามารถสละชีวิตของตัวเองให้แก่พระเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น “ เธอระบุในข้อเขียนฉบับดังกล่าว ซึ่งมีการนำออกเผยแพร่ออนไลน์ และในหนังสือพิมพ์ไมนิจิ ชิมบุน ฉบับวันนี้ (5)

“หากเขากระทำการอุทิศโดยถูกวิธี ก็จะไม่มีวิธีการบูชาใดๆ ที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ตอนที่คุณชูสุเกะ โนมุระ ฆ่าตัวตายที่สำนักงานใหญ่ของอาซาฮี ชิมบุน เขา...ได้มอบชีวิตให้แก่พระเจ้า”
คัตสุโตะ โมมิอิ ประธานสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค
ทั้งนี้ จักรพรรดิญี่ปุ่นได้รับการเคารพสักการะในฐานะสมมติเทพ จนกระทั่งจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ ได้สละสถานะความเป็นเทพเจ้าของพระองค์เมื่อปี 1946 โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของการทำข้อเรียกร้องผู้ยึดครองฝ่ายสัมพันธมิตรภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง

กฎหมายรัฐธรรมนูญที่สหรัฐฯ เป็นผู้ร่างขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นกำหนดเงื่อนไขไว้ว่าจักรพรรดิเป็นเพียง “สัญลักษณ์” ของชาติที่ไม่มีอำนาจในการปกครอง

ความเรียงของฮาเซกาว่านั้นถูกเปิดเผย ภายหลังที่ นาโอกิ ฮยากุตะ เพื่อนร่วมบอร์ดบริหารได้ออกมากล่าวว่า เหตุทหารญี่ปุ่นสังหารหมู่และข่มขืนพลเมืองชาวจีนที่นครนานกิง (รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า 'หนานจิง') เมืองหลวงของจีนในเวลานั้น เมื่อช่วงปี 1937 – 1938 เป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายจีน

แม้ว่าบรรดานักประวัติศาสตร์ระบุยอดรวมผู้เสียชีวิตในโศกนาฏกรรมครั้งนั้นไม่ตรงกัน โดยมีตั้งแต่หลายหมื่นคนไปจนถึง 3 แสนคน แต่ถึงอย่างไร ก็ไม่มีผลงานวิชาการฉบับใดยืนยันอย่างเป็นทางการว่า เหตุสังหารหมู่ในอดีตเมืองหลวงของจีนไม่ได้เกิดขึ้นจริง

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งได้ออกมายอมรับอย่างเป็นทางการว่าเหตุสังหารหมู่นานกิงเกิดขึ้นจริง ไม่ได้ขอให้สมาชิกคนใดในคณะกรรมการชุดนี้ออกมาแสดงความรับผิดชอบ โดยโยชิฮิเดะ สุกะ โฆษกของฝ่ายบริหารระดับสูงกล่าวว่าสมาชิกมีสิทธิแสดงทัศนะส่วนตัว

ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นแต่งตั้งฮาเซกาว่าเป็นกรรมการบริหาร เนื่องจากเธอเป็นนักปรัชญาและนักวิจารณ์แถวหน้าของประเทศ ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านวัฒนธรรมญี่ปุ่น สุกะเผยกับผู้สื่อข่าววันนี้ (5)

กระแสวิพากษ์วิจารณ์ครั้งล่าสุดนี้ดุจะเป็นการกระตุ้นให้เหล่าผู้วิจารณ์พากันวิตกกังวลมากขึ้นว่า เอ็นเอชเค ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานีโทรทัศน์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก จะยึดถืออุดมการณ์ชาตินิยมแข็งกร้าวเช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ
กำลังโหลดความคิดเห็น