เอเอฟพี –- รัฐบาลญี่ปุ่นออกมาชี้แจงว่า นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ไม่มีเจตนาเปรียบเทียบความขัดแย้งระหว่างจีน กับญี่ปุ่นว่าเหมือนช่วงก่อนเกิด “สงครามโลกครั้งที่ 1” โดยโทษว่าเป็นความผิดของล่ามแปลภาษาที่แต่งเติมถ้อยแถลงของผู้นำญี่ปุ่นจนเกินจริง
หนังสือพิมพ์อาซาฮีชิมบุน และซันเกอิชิมบุน ได้เผยแพร่ถ้อยแถลงของกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่า คำพูดที่ อาเบะ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนนานาชาติระหว่างการประชุม เวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถูก “แต่งเติม” โดยล่ามซึ่งทำหน้าที่แปลภาษาอังกฤษ
ทั้งนี้ ทางกระทรวงได้ทำหนังสือเตือนไปยังล่ามคนดังกล่าว และบริษัทที่เขาสังกัดอยู่แล้ว
เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นให้สัมภาษณ์แก่เอเอฟพีว่า กระทรวงได้ประเมินผลการทำงานของบริษัทล่ามแห่งนี้ แต่ไม่เผยรายละเอียดเพิ่มเติมอีก
เมื่อเดือนที่แล้ว สื่อชั้นนำทั่วโลกได้ตีแผ่คำแถลงของนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ ซึ่งเปรียบเทียบความบาดหมางระหว่างโตเกียว กับปักกิ่งในเวลานี้ว่า ไม่ต่างจากอังกฤษ และเยอรมนี ช่วงก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 1 จะปะทุขึ้น
อย่างไรก็ตาม สคริปต์คำแถลงในภาษาญี่ปุ่นกลับไม่มีข้อความเดียวกันนี้ปรากฏอยู่
จากการแปลสคริปต์ภาษาญี่ปุ่นโดยทีมข่าวเอเอฟพี นายกฯ อาเบะ ถูกตั้งคำถามเรื่องความขัดแย้งระหว่างจีนกับญี่ปุ่นที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเขาก็ตอบว่า “ปีนี้ครบรอบ 100 ปีสงครามโลกครั้งที่ 1 เวลานั้นอังกฤษ และเยอรมนีมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกันอย่างแน่นแฟ้น แต่ในที่สุดทั้ง 2 ชาติก็ต้องทำสงครามห้ำหั่นกัน ผมเอ่ยถึงภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ก็เพื่อเสริมความเข้าใจ”
“หากสิ่งที่คุณถามจะเกิดขึ้นจริงล่ะก็ มันจะไม่สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อจีน และญี่ปุ่นเท่านั้น แต่จะเป็นความเสียหายต่อประชาคมโลกด้วย ดังนั้น เราจึงต้องหาทางป้องกันไม่ให้สถานการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น”
อาเบะ ถูกนักวิจารณ์ตำหนิว่า “ใช้คำพูดยั่วยุ” จากบทแปลที่ถูกสื่อนำไปรายงานก่อนหน้านี้ ขณะที่จีนก็ฉวยโอกาสวิจารณ์ว่าเป็นคำกล่าวที่ “ผิดยุคสมัย”
นอกจากการอ้างอธิปไตยเหนือหมู่เกาะเซ็งกากุ หรือเตี้ยวอี๋ว์ ในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่นตึงเครียดอย่างหนักแล้ว สิ่งที่กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นเคยกระทำต่อจีนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ยังเป็นรอยแผลที่บั่นทอนความร่วมมือระหว่าง 2 มหาอำนาจแห่งเอเชียมาจนทุกวันนี้