เอเอฟพี – ซูดานใต้ได้ปล่อยตัวนักโทษ 7 คนที่ถูกจับกุมในข้อหากบฏวันนี้ (30 ม.ค.) แต่ยังประกาศกร้าวว่าจะดำเนินคดีกับพวกหัวหน้าใหญ่ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าก่อเหตุโจมตีในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนับเป็นการเคลื่อนไหวที่อาจส่งผลต่อสถานการณ์พักรบอันเปราะบาง
แม้ว่ารัฐบาลซูดานใต้และกลุ่มกบฏจะประกาศพักรบตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (24) ทว่าสถานการณ์การสู้รบก็ยังไม่ยุติ แต่ก็มีทีท่าว่าคลี่คลายลงไปบ้างเล็กน้อย โดยมีรายงานว่าการเหตุปะทะกันยังคงดำเนินต่อไป และวิกฤตด้านมนุษยธรรมก็ทวีความเลวร้ายยิ่งขึ้น หลังชาวซูดานใต้เรือนหมื่นคนจบชีวิตลง และอีกเกือบ 800,000 ชีวิตพากันอพยพหนีภัยสู้รบ
อย่างไรก็ตาม หัวหน้ากบฏอีก 4 คนยังคงถูกทางการซูดานใต้ควบคุมตัวไว้ โดยพวกเขาถูกดำเนินคดีในข้อหาพยายามโค่นล้มอำนาจประธานาธิบดี ซัลวา คีร์ หลังความขัดแย้งปะทุขึ้นในกรุงจูบาของซูดานใต้ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ปีที่แล้ว
ทั้งนี้ คีร์กล่าวหารองประธานาธิบดี รีก มาชาร์ ซึ่งถูกเขาสั่งปลด พร้อมทั้งอดีตเจ้าหน้าที่รัฐคนอื่นๆ ว่าปลุกระดมกองกำลังให้ทำรัฐประหารรัฐบาลของเขา
ในเหตุการณ์ครั้งนั้น ทางการได้จับกุมอดีตเจ้าหน้าที่รัฐทั้งหมด 11 คน ขณะที่มาชาร์ซึ่งปฏิเสธว่าไม่ได้วางแผนทำรัฐประหารได้หลบหนีไป
การปะทะกันได้แผ่ขยายลุกลามไปทั่วทั้งประเทศในเวลาอันรวดเร็ว โดยหน่วยงานที่เข้าช่วยเหลือชี้ว่า มีประชาชนมากถึง 10,000 รายถูกสังหารในเหตุขัดแย้ง ขณะที่คนจำนวนมากหวั่นเกรงว่าจะมีผู้เสียมากกว่านั้น
ทางฝ่าย วาเลรี อามอส เลขาธิการสหประชาชาติฝ่ายกิจการมนุษยธรรม วานนี้ (29) ได้แถลงสรุปการตรวจเยี่ยมประชาชนในดินแดนที่บอบช้ำจากสงครามแห่งนี้เป็นเวลา 3 วัน ภายหลังที่เธอได้เห็นความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุนองเลือดในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา และได้รับรายงานว่า มีการกระทำโหดร้ายป่าเถื่อนโดยกองกำลังของทั้งสองฝ่าย
“อนาคตของซูดานใต้ขึ้นอยู่กับการร่วมแรงร่วมใจของทุกๆ คน” เธอกล่าวหลังตระเวนตามเมืองที่พังพินาศย่อยยับหลายแห่ง แล้วพบว่ามีโกดังเก็บเสบียงบริจาคหลายตันถูกปล้นสะดม และเหล่าคนงานช่วยกันฝังร่างผู้ที่เสียชีวิตจากการปะทะกันเมื่อเร็วๆ นี้
ในช่วงที่มีการสู้รบ ได้เกิดการโจมตีแก้แค้นอย่างป่าเถื่อนหลายระลอก เมื่อนักรบและกลุ่มติดอาวุธต่างชนเผ่าก่อเหตุรุนแรงเพื่อปล้นสะดมอาหารและข้าวของเครื่องใช้ ตลอดจนสะสางบัญชีหนี้แค้นกับพวกศัตรูเก่า
เมื่อวันอังคาร (28) ปอลลิโน วานาวีลา รัฐมนตรียุติธรรมของซูดานใต้แถลงว่า จะนำหัวหน้ากบฏทั้งสี่คนที่ถูกควบคุมตัวในขณะนี้ไปขึ้นศาล ขณะที่อีก 3 คนซึ่งรวมถึงมาชาร์ จะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหากจับกุมได้
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกบฏได้เรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวนักโทษทั้งหมดมาโดยตลอด และกระทรวงการต่างประเทศเคนยาระบุว่า “กำลังเจรจาต่อรองให้มีการปล่อยตัวนักโทษอีก 4 คนที่เหลือ
ทางด้านสหรัฐฯ ก็ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลจูบาปล่อยตัวนักโทษที่เหลือ เพื่อเป็นการปรองดองทางการเมือง ในเวลาที่ประเทศนี้รู้สึกยินดีกับข่าวการปล่อยตัวนักโทษซึ่งถือเป็น “ก้าวสำคัญไปสู่การเจรจาทางการเมืองอย่างครอบคลุม”
ทั้งนี้ คนจำนวนมากพากันหวั่นวิตกว่า ความขัดแย้งนี้จะลุกลามบานปลายจนบรรดาผู้นำทางการเมืองไม่สามารถควบคุมได้ โดยสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการการก่อเหตุรุนแรง และการโจมตีแก้แค้นระหว่างชาวเผ่า “ดิงกา” ของประธานาธิบดีคีร์ กับเผ่า “นูเอร์” ของมาชาร์ ผู้นำกบฏ ขณะที่ยังมีประชาชนกว่า 76,000 คนอพยพไปอยู่ที่ค่ายในที่ทำการขององค์การสหประชาชาติ
