เอเอฟพี – ประธานสถานีโทรทัศน์แห่งชาติญี่ปุ่น (เอ็นเอชเค) ออกมาโต้แย้งเรื่อง “สตรีเพื่อการผ่อนคลาย” ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยชี้ว่าญี่ปุ่น “ไม่ใช่ชาติเดียว” ที่เกณฑ์ผู้หญิงท้องถิ่นมาบำเรอความสุขทางเพศแก่ทหารในกองทัพ ขณะที่รัฐบาลโตเกียวปฏิเสธไม่รับรู้แนวคิดของผู้บริหารรายนี้
คัตสุโตะ โมมิอิ ประธานสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค ได้แสดงทัศนะส่วนตัวระหว่างการแถลงข่าวรับตำแหน่งใหม่เมื่อวันเสาร์ (25) โดยชี้ว่าการบังคับผู้หญิงท้องถิ่นมาเป็นโสเภณีเหมือนเช่นที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็น “เรื่องปกติ” ของกองทัพทุกชาติที่ทำสงคราม
“กล้าพูดไหมว่าเรื่องแบบนี้ไม่เกิดขึ้นในเยอรมนี หรือฝรั่งเศส? มันก็เกิดขึ้นในยุโรปเหมือนกันทุกที่”
หลังการแถลงของ โมมิอิ เพียงวันเดียว ฮวาง กุม-จา วัย 90 ปี หญิงเกาหลีซึ่งเคยตกเป็นเหยื่อกามทหารญี่ปุ่นก็เสียชีวิตลงที่กรุงโซล ทำให้สตรีเพื่อการผ่อนคลายชาวเกาหลีใต้ที่ยังมีชีวิตอยู่เหลือเพียง 55 คนเท่านั้น
ฮวาง วู-เยีย ประธานพรรคแซนูรี ซึ่งครองเสียงข้างมากในรัฐบาลโสมขาว ออกมาเตือนให้ญี่ปุ่นระวัง “จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ตลอดกาลว่าเป็นผู้ละเมิดที่ไม่รู้สำนึก หากวันใดที่สตรีเหล่านี้จากโลกไปจนหมดแล้ว”
รัฐบาลญี่ปุ่นออกมาปฏิเสธไม่ขอเกี่ยวข้องกับคำพูดของ โมมิอิ ในวันนี้ (27) โดยชี้ว่าเป็นเพียงความเห็นส่วนบุคคล
“เราเข้าใจว่าท่านประธาน โมมิอิ ได้แสดงความเห็นในฐานะบุคคล ไม่ใช่ในฐานะประธานสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ” โยชิฮิเดะ สุกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นให้สัมภาษณ์ พร้อมปฏิเสธที่จะกล่าวเพิ่มเติมในเรื่องนี้
โมมิอิ วัย 70 ปี ชี้ว่า ปมขัดแย้งเรื่องสตรีเพื่อการผ่อนคลาย “มีความซับซ้อน เพราะเกาหลีใต้กล่าวหาว่าญี่ปุ่นเป็นเพียงชาติเดียวที่ใช้ระบบนี้” แต่เมื่อถูกวิจารณ์อย่างหนัก เขาก็ออกมาขออภัย และยอมรับว่าเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวซึ่ง “ไม่เหมาะสมอย่างรุนแรง” ที่จะเปิดเผยต่อสาธารณชน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เป็นที่ร่ำลือกันมานานแล้วว่า โมมิอิ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัทการค้ามิตซุย คือบุคคลที่นายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ หมายตาให้มาเป็นประธานสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค
ตัว อาเบะ เองก็เคยจุดชนวนความโกรธแค้นไปทั่วทั้งภูมิภาคเมื่อปี 2007 เมื่อเขาอ้างว่า “ไม่มีหลักฐาน” ยืนยันว่าสตรีท้องถิ่นถูกกองทัพญี่ปุ่นบังคับให้มาเป็นโสเภณีโดยตรง
เมื่อปีที่แล้ว โทรุ ฮาชิโมโตะ นายกเทศมนตรีเมืองโอซากา ก็ได้สร้างความไม่พอใจต่อผู้ฟังทั้งในและนอกประเทศ เมื่อเขาออกมากล่าวว่าทหารที่เสี่ยงกับความตายอยู่ทุกวันย่อมต้องการระบายความเครียด และสตรีเพื่อการผ่อนคลายก็คือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับปัญหานี้
นักประวัติศาสตร์สายหลักระบุตรงกันว่า มีสตรีราว 200,000 คนจากเกาหลี, จีน, ฟิลิปปินส์ และประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ถูกญี่ปุ่นเกณฑ์มาเป็น “สตรีเพื่อการผ่อนคลาย” (comfort women) ในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา