เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - เกิดการปะทะกันรอบใหม่ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ กับกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลในกรุงเคียฟของยูเครน หลังกลุ่มผู้ประท้วงพยายามจะนำรถบัสที่กั้นขวางเส้นทางมุ่งหน้าไปยังรัฐสภาออก ขณะที่จำนวนผู้ที่ออกมาประท้วงต่อต้านรัฐบาลบนท้องถนนในกรุงเคียฟในวันอาทิตย์ (19) มีจำนวนสูงถึง 100,000 คน
รายงานข่าวระบุว่า จุดที่เกิดการปะทะกันหนักที่สุดระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงกับตำรวจ คือ พื้นที่ซึ่งอยู่ห่างจากจัตุรัสเอกราชในกรุงเคียฟราว 100 เมตร โดยการปะทะกันเริ่มขึ้นหลังจากผู้ประท้วงจำนวนหนึ่ง พยายามช่วยกันนำรถบัสที่กีดขวางคันหนึ่งออกจากเส้นทางมุ่งหน้าไปยังรัฐสภา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์ จนเกิดการปะทะกันในที่สุด ท่ามกลางรายงานข่าวที่ระบุว่า กลุ่มผู้ประท้วงใช้สิ่งของแทบทุกอย่างที่หาได้เป็นเครื่องมือ “ทำร้ายเจ้าหน้าที่”
ด้านวิทาลี คลิตช์โก อดีตนักมวยชื่อดังซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในแกนนำฝ่ายค้านออกมาเปิดเผยว่า เขาพยายามห้ามปรามกลุ่มผู้ประท้วงให้ยุติการทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ไม่เป็นผล และถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์วุ่นวายที่สุด นับตั้งแต่การประท้วงต่อต้านรัฐบาลยูเครนปะทุขึ้นเมื่อ 2 เดือนก่อน หลังรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีวิกตอร์ ยานูโควิช ล้มแผนทำข้อตกลงปูทางไปสู่การเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) และหันไปกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับรัสเซียแทน
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันพฤหัสบดี (16) สภาผู้แทนราษฎรยูเครนเพิ่งผ่านความเห็นชอบต่อ “กฎหมายห้ามชุมนุมประท้วง” ซึ่งมีระวางโทษจำคุกสูงสุดถึง 5 ปี หวังใช้กำราบสกัดกั้นประชาชนเรือนแสนที่ออกมาชุมนุมต่อต้านประธานาธิบดียานูโควิช โดยฝ่ายต่อต้านรัฐบาลประณามการโหวตกฎหมายฉบับนี้ของรัฐสภายูเครนด้วยคะแนนเสียง 235 จากทั้งหมด 450 เสียง ว่าเป็นการ “รวบอำนาจ”
ภายใต้กฎหมายใหม่ซึ่งผ่านความเห็นชอบของรัฐสภายูเครน ผู้ที่ชุมนุมปิดอาคารสถานที่สาธารณะมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ส่วน ส.ส.หรือผู้ประท้วงที่สวมหน้ากากหรือหมวกปิดบังใบหน้า จะถูกปรับเงินหรือถูกจับกุมได้ทันที นอกจากนั้น กฎหมายฉบับนี้ยังห้ามมิให้มีการเผยแพร่ข้อความดูหมิ่นผ่านอินเทอร์เน็ต โดยผู้ฝ่าฝืนจะต้องโทษปรับ หรือถูกบังคับใช้แรงงานสูงสุด 1 ปี
เมื่อเดือนธันวาคม ชาวยูเครนจำนวนหลายแสนคนได้ออกมาเดินขบวนตามท้องถนนในกรุงเคียฟ และเมืองทางตะวันตกของประเทศ หลังประธานาธิบดียานูโควิชตัดสินใจล้มเลิกการทำข้อตกลงความร่วมมือด้านการเมืองและการค้ากับอียู
และถึงแม้จำนวนผู้เข้าร่วมการประท้วงต่อต้านรัฐบาลจะลดลงไปบ้าง แต่แกนนำฝ่ายต่อต้านยังคงปักหลักยึดพื้นที่จัตุรัสแห่งเอกราชใจกลางกรุงเคียฟ หรือที่เรียกว่า จัตุรัสไมดาน