โอบามาสั่งงดสอดแนมเหล่าผู้นำชาติพันธมิตร แต่เจอเย้ยแค่แก้เกี้ยว

เอเอฟพี/บีบีซี - ประธานาธิบดีบารัค โอบามาเมื่อวันศุกร์ (17) มีคำสั่งจำกัดขอบเขตโปรแกรมสอดแนมทางโทรศัพท์ของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นเอสเอ) โดยเฉพาะกับเหล่าผู้นำต่างชาติที่เป็นมิตร ระบุเสรีภาพพลเมืองควรได้รับการเคารพ แต่ก็อ้างว่าการรวบรวมข้อมูลต้องเดินหน้าต่อเพื่อปกป้องภัยก่อการร้าย ถ้อยแถลงที่เรียกเสียงถากถางอย่างทันท่วงทีจาก จูเลียน แอสซานจ์ ผู้ก่อตั้งวิกิลีกส์ เว็บไซต์ที่เคยแฉเอกสารลับทางการทูตของอเมริกา

ในคำแถลงที่มีจุดมุ่งหมาย บรรเทาความขุ่นเคืองแก่โปรกรมสอดแนมที่ถูกแฉโดยนายเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตพนักงานสัญญาจ้างของเอ็นเอสเอ โอบามาบอกว่าจะระงับการดักฟังโทรศัทพ์และสอดแนมเหล่ามิตรผู้นำโลก ขณะที่ชาวต่างชาติที่อยู่ในฐานข้อมูลของอเมริกาก็จะได้รับการปกป้องใหม่ อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีรายนี้โต้แย้งการรวบรวมข้อมูลนี้ควรได้รับอนุญาตให้ดำเนินการต่อไป เพื่อปกป้ออเมริกาจากก่อการร้าย

ถ้อยแถลงครั้งนี้มีขึ้นตามหลังเสียงขุ่นเคืองจากทั่วโลก หลัง สโนว์เดน ซึ่งเวลานี้หลบหนีข้อหาจารกรรมในสหรัฐฯ ไปลี้ภัยชั่วคราวในรัสเซีย ออกมาแฉถึงรายละเอียดการทำงานของหน่วยงานด้านข่าวกรองของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม เหล่ากลุ่มเสรีภาพพลเมืองบอกว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังไม่มากพอ

แอสซานจ์ เพื่อนร่วมชะตากรรมของสโนว์เดน ถากถางคำแถลงของโอบามา ผ่านการสัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ว่า “น่าละอาย” และบอกว่าคำสั่งดังกล่าวแทบจะไม่ก่อการเปลี่ยนแปลงเลยและมีผลแค่เพียงเล็กน้อย “มันน่าอายที่ผู้นำของประเทศๆ หนึ่ง ออกมาแถลงราว 45 นาทีและฟังแล้วไม่ได้อะไรเลย” แอสซานจ์กล่าว “เขาคงรู้สึกฝืนใจมากต่อการปฏิรูปใดๆ ที่เป็นรูปเป็นร่าง และเคราะห์ร้ายที่วันนี้ เราเห็นการปฏิรูปที่เป็นรูปธรรมเล็กน้อยมาก”

ผู้ก่อตั้งวิกิลีกส์รายนี้แสดงความเคลือบแคลงว่า การที่กำหนดให้หน่วยงานต่างๆภายใต้สังกัดของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นเอสเอ) ต้องขออนุญาตจากศาลสืบราชการลับต่างประเทศ (Foreign Intelligence Surveillance Court) ก่อนเข้าถึงข้อมูลเป้าหมาย จะก่อประโยชน์ใดๆ “เป็นที่รู้ดีว่าศาล FISA คือศาลนักโทษลับที่สุดในสหรัฐฯ ที่เป็นผลผลิตของกฎหมายถูกเขียนโดยพวกผู้พิพากษาอย่างลับอ พร้อมกันนั้นก็ชี้ว่าการแต่งตั้งอัยการนั่งบัลลังก์ในศาล FISA จึงเป็นไปได้ที่จะได้ผลการตัดสินที่เหมาะสม

นอกจากนี้แล้ว แอสซานจ์ยังมีความเห็นด้วยว่าคำสัญญาที่บอกว่าจะไม่สอดแนมเหล่าผู้นำชาติเพื่อนบ้านนั้น ไม่ได้มีความหมายใดๆ เลย “เขาบอกว่าเราจะไม่ดักฟังนางแองเจลา แมร์เคิล(นายกรัฐมนตรีเยอรมนี) และเดวิด คาเมรอน (นายกรัฐมนตรีอังกฤษ) หรือนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แต่กรุณาให้เราสอดแนมทุกคนที่พวกคุณคุยด้วย แล้วมันจะมีความหมายอะไรล่ะ”

อนึ่ง นายแอสซานจ์เข้าไปหลบในสถานทูตเอกวาดอร์ในกรุงลอนดอน ตั้งแต่ปี 2012 และกำลังต่อสู้ความพยายามส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนของทางการอังกฤษไปยังสวีเดน เพื่อเผชิญข้อกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศ ทั้งนี้ เขากังวลว่าหากไปยังสวีเดนแล้วจะถูกส่งต่อไปยังสหรัฐฯ เพื่อดำเนินคดีในข้อหาเผยแพร่เอกสารลับทางการทูตและทางทหารของอเมริกา