เอเอฟพี - ศาลคูเวตปฏิเสธที่จะคืนสัญชาติให้แก่ “ลูกเขย” ของอุซามะห์ บิน ลาดิน อดีตผู้นำเบอร์หนึ่งของเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ หลังจากที่เขามีประวัติก่อการร้ายจนถูกรัฐบาลคูเวตเพิกถอนสัญชาติไปเมื่อหลายปีก่อน หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งรายงาน วันนี้ (26)
เมื่อวานนี้ (25) ศาลปกครองคูเวตมีคำพิพากษาไม่คืนสัญชาติให้แก่ สุไลมาน อบู ฆอยษ์ อดีตโฆษกอัลกออิดะห์ และลูกเขยของบิน ลาดิน หลังจากที่เจ้าตัวได้ทำเรื่องร้องขอมา โดยให้เหตุผลว่า อบู ฆอยษ์ เป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายที่โจมตีและสังหารผู้บริสุทธิ์ไปเป็นจำนวนมาก หนังสือพิมพ์ อัล-กอบาส รายงาน
อบู ฆอยษ์ วัย 48 ปี ถูกรัฐบาลคูเวตเพิกถอนสัญชาติทันทีที่เกิดเหตุวินาศกรรมสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี 2001 ซึ่งเป็นปฏิบัติการก่อการร้ายครั้งใหญ่ที่คร่าชีวิตพลเมืองอเมริกันไปหลายพันคน
บุตรเขยของบิน ลาดิน ถูกสหรัฐฯ จับกุมได้ที่จอร์แดนเมื่อปีที่แล้ว และกำลังถูกศาลนิวยอร์กไต่สวนความผิดฐานก่อการร้าย
“มีข้อพิสูจน์อย่างแจ่มแจ้งว่า (อบู ฆอยษ์) เป็นสมาชิกกลุ่มอัลกออิดะห์... และเป็นโฆษกของพวกเขา” ศาลคูเวตเผย
คำพิพากษายังระบุว่า เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าอัลกออิดะห์สังหารคนบริสุทธิ์ไปมากมาย และมีอุดมการณ์ที่จะ “ฆ่าทหารอเมริกันในทุกที่ที่พบ” โดยไม่ใส่ใจความตายของประชาชนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่
ทั้งนี้ คำพิพากษาดังกล่าวยังไม่ถือเป็นที่สุด และสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อได้
ภรรยาและลูกๆ ของอบู ฆอยษ์ ยังคงอาศัยอยู่ในคูเวต เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้เพิกถอนความเป็นพลเมืองของพวกเขาด้วย
อบู ฆอยษ์ ถูกทางการสหรัฐฯ ตั้งข้อหาวางแผนสังหารชาวอเมริกัน และต่อมาเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (20) อัยการก็ได้ยื่นเอกสารคำฟ้องใหม่ โดยเพิ่มข้อหาสนับสนุนเครื่องมือและทรัพยากรแก่ผู้ก่อการร้าย และวางแผนกระทำการดังกล่าว รวมเป็น 3 ข้อหา
ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ (23) อัยการสหรัฐฯได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติม หลังพบว่า อบู ฆอยษ์ มีส่วนรู้เห็นกับ ริชาร์ด รีด ชายชาวอังกฤษที่พยายามซุกระเบิดไว้ในรองเท้าเพื่อก่อวินาศกรรมเครื่องบินโดยสารจากกรุงปารีสมายังเมืองไมอามี เมื่อปี 2001