รอยเตอร์/เอพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - เจ้าหน้าที่ด้านการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนของบราซิลเผยยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมและดินถล่มจากอิทธิพลของฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องในพื้นที่แถบตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศได้เพิ่มเป็นอย่างน้อย 32 รายแล้ว ขณะที่ประชาชนอีกมากกว่า 50,000 คนต้องทิ้งบ้านเรือนของตนและกลายเป็นผู้อพยพ
รายงานข่าวในวันพุธ (25) ซึ่งอ้างเจ้าหน้าที่ด้านการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนในรัฐมินาส เชราอิสระบุว่า พบผู้เสียชีวิตในรัฐของตนแล้วอย่างน้อย 17 ราย โดยสาเหตุของการเสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากการจมน้ำหรือเหตุดินถล่ม ขณะที่ประชาชนอีกราว 4,000 คนในรัฐแห่งนี้ต้องอพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวที่มีการจัดตั้งขึ้นตามสถานที่ราชการต่างๆ หรือไม่ก็ต้องย้ายไปอาศัยอยู่กับญาติและเพื่อน
ส่วนสถานการณ์ในรัฐที่อยู่ใกล้เคียงอย่าง รัฐเอสปิริตู ซันตู มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 15 รายขณะที่ประชาชนอีกราว 50,000 ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนของตัวเองหลังเกิดเหตุดินถล่มหลายครั้ง รวมถึงเกิดการเอ่อล้นของน้ำในแม่น้ำเข้าท่วมพื้นที่ต่างๆ โดยล่าสุด เรนาตู คาซากรันเด ผู้ว่าการรัฐเอสปิริตู ซันตูได้ประกาศภาวะฉุกเฉินครอบคลุมพื้นที่ทั่วรัฐของตนแล้ว
ด้านประธานาธิบดี ดิลมา รูสเซฟฟ์ ผู้นำหญิงของบราซิลออกมาระบุว่า เหตุน้ำท่วมในพื้นที่ 2 รัฐทางตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ “เลวร้ายที่สุดในรอบ 90 ปี” ของบราซิล และเธอได้ให้คำมั่นว่ารัฐบาลแดนแซมบ้าจะทุ่มงบประมาณจำนวนหลายล้านดอลลาร์ เพื่อจัดหาความช่วยเหลือที่จำเป็นและฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยอย่างเร่งด่วน