เอเจนซีส์ - ซาอุดีอาระเบียประกาศจัดตั้งกองกำลังร่วมระหว่างกลุ่มชาติอาหรับแถบอ่าวเปอร์เซียซึ่งจะมีกำลังพลประจำการกว่า 100,000 นาย ถือเป็นความพยายามล่าสุดของซาอุดีอาระเบีย ในการปลดแอกตนเองทางด้านความมั่นคงจากร่มเงาของสหรัฐฯ และเป็นการส่งสัญญาณบ่งชี้ว่า รอยร้าวทางการทูตระหว่างรัฐบาลริยาดห์และวอชิงตัน “ลึกเกินเยียวยา”
เจ้าชายไมเทบ บิน อับดุลลาห์ รัฐมนตรีกระทรวงการป้องกันประเทศของซาอุดีอาระเบีย แถลงที่กรุงริยาดห์ในวันอาทิตย์ (22) โดยระบุว่าซาอุดีอาระเบียประกาศจับมือกับชาติเพื่อนบ้านอาหรับผู้มั่งคั่งแถบอ่าวเปอร์เซีย ที่ประกอบด้วยคูเวต กาตาร์ บาห์เรน โอมาน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เพื่อจัดตั้งกองบัญชาการทางทหารร่วมกัน สำหรับดูแลความมั่นคงในภูมิภาค โดยจะมีกำลังพลราว 100,000 นายประจำการภายใต้กองบัญชาการดังกล่าว
“ถึงเวลาแล้วที่พวกเรา บรรดาชาติอาหรับแถบอ่าวเปอร์เซียจะต้องลุกขึ้นยืนหยัดเพื่อแสดงพลังปกป้องภูมิภาคของเราเอง แทนการคอยแต่หวังพึ่งมหาอำนาจที่ไม่จริงใจกับเรา” เจ้าชายไมเทบ บิน อับดุลลาห์กล่าว พร้อมย้ำว่ากองกำลังร่วมดังกล่าวของทั้ง 6 ชาติจะเริมเป็นรูปเป็นร่างในเร็วๆนี้
ก่อนหน้านี้ ซาอุดีอาระเบียและกลุ่มชาติอาหรับแถบอ่าวเปอร์เซียถือเป็นส่วนหนึ่งในข้อตกลงด้านความมั่นคงกับสหรัฐฯ ซึ่งตามข้อตกลงดังกล่าวระบุว่า กองเรือที่ 5 ของสหรัฐฯ ซึ่งมีฐานอยู่ในบาห์เรนและมีกำลังพลราว 30,000 นายจะเป็นผู้ดูแลความมั่นคงให้กับทั้ง 6 ประเทศนับตั้งแต่ปี 1982 เป็นต้นมา
ความเคลื่อนไหวล่าสุดที่มีซาอุดีอาระเบียเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนมีขึ้นหลังจากที่ทางการซาอุฯแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าไม่พอใจรัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำของประธานาธิบดีบารัค โอบามาที่หันไปผูกไมตรีกับอิหร่าน ศัตรูตัวฉกาจของซาอุฯ อีกทั้งยังล้มเหลวในการขุดรากถอนโคนระบอบการปกครองของบาชาร์ อัล-อัสซาดในซีเรีย โดยซาอุดีอาระเบียมองว่าระบอบการปกครองทั้งในอิหร่านและซีเรียซึ่งเป็นพวกมุสลิมชีอะห์นั้น เป็นภัยคุกคามกับ 6 ชาติอาหรับแถบอ่าวเปอร์เซียที่เป็นพวกมุสลิมสุหนี่