เอเจนซีส์ – บรรดาผู้นำโลกเพิ่มความพยายามในวันอาทิตย์ (22 ธ.ค.) ที่จะดึงให้ ซูดานใต้ หลุดออกมาจากขอบเหวแห่งสงครามกลางเมืองเต็มรูป ในขณะที่การสู้รบซึ่งดำเนินมา 1 สัปดาห์เต็มทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วหลายร้อยคน และประชาชนหลายหมื่นต้องอพยพหลบภัย อีกทั้งกำลังแผ่ลามไปทั่วประเทศ รวมทั้งในพื้นที่ผลิตน้ำมันซึ่งทรงความสำคัญยิ่ง
คณะทูตพิเศษจากสหรัฐฯและไนจีเรีย กำลังเดินทางไปยังเมืองหลวงจูบา ภายหลังที่คณะของเหล่ารัฐมนตรีต่างประเทศจากชาติในแอฟริกาตะวันออกและดินแดนจงอยแห่งแอฟริกา ได้ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว และภายหลังที่ บัน คีมุน เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ ออกมาเรียกร้องให้ยุติความรุนแรง
การสู้รบปะทุขึ้นในซูดานใต้คราวนี้ หลังจากประธานาธิบดีซัลวา คีร์ ได้ออกมากล่าวหา ริก มาชาร์ อดีตรองประธานาธิบดีของเขา ว่ากำลังพยายามก่อการรัฐประหารยึดอำนาจ ขณะที่ มาชาร์ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง พร้อมกับกล่าวหาตอบโต้คีร์ว่า กำลังพยายามกำจัดกวาดล้างพวกปรปักษ์ของตนอย่างโหดเหี้ยมทารุณ
ศึกที่ระเบิดขึ้นระลอกนี้ นอกจากทำให้คนตายไปหลายร้อยแล้ว ยังทำให้ประชาชนนับหมื่นๆ หลบหนีไปขอรับความคุ้มครองในค่ายต่างๆ ของยูเอ็น หรือไปยังพื้นที่ปลอดภัยกว่าภายในประเทศนี้ ซึ่งเพิ่งได้รับเอกราชแยกตัวจากซูดานในปี 2011 ทว่ายังคงประสบความทุกข์ยากเดือดร้อนทั้งจากปัญหาความแตกแยกทางเชื้อชาติ, การทุจริตคอร์รัปชั่น, และความยากจน
การสู้รบคราวนี้มีมิติทั้งทางด้านเชื้อชาติและทางการเมือง โดยกองทหารที่ภักดีต่อประธานาธิบดีคีร์ เป็นคนชาติพันธุ์ดิงคา ทำศึกกับกองกำลังที่หนุนหลังอดีตรองประธานาธิบดีมาชาร์ ซึ่งเป็นชาวนูเออร์
บัน เลขาธิการใหญ่ยูเอ็น เรียกร้องเมื่อวันอาทิตย์ (22) ระหว่างแถลงข่าวในวาระการเยือนฟิลิปปินส์ ขอให้ คีร์, มาชาร์ ตลอดจนผู้นำกองทัพ, และกองกำลังอาวุธท้องถิ่นทั้งหมดในซูดานใต้ ยุติการใช้ความรุนแรงทันทีและหันหน้าเจรจากัน
ก่อนหน้านั้น 1 วัน ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ก็ได้ออกคำแถลงระบุว่า ความพยายามในการใช้กำลังทหารยึดอำนาจ จะส่งผลให้สหรัฐฯ และนานาชาติยุติการให้ความช่วยเหลือที่ได้ให้มาอย่างยาวนานแล้วแก่ซูดานใต้
คำแถลงนี้มีขึ้นหลังจากที่ทหารอเมริกัน 4 คนได้รับบาดเจ็บ เมื่อเครื่องบินสหรัฐฯที่พยายามเข้าไปช่วยนำชาวอเมริกันออกจากซูดานใต้ ถูกโจมตี
โอบามาย้ำว่า ผู้นำซูดานใต้มีความรับผิดชอบที่จะต้องให้การสนับสนุนความพยายามของวอชิงตัน ในการช่วยเหลืออพยพเจ้าหน้าที่และพลเมืองอเมริกัน ออกจากเมืองหลวงจูบา ซึ่งมีการสู้รบรุนแรง และเมืองบอร์ ที่ตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงไปทางเหนือราว 200 กิโลเมตรและตกอยู่ในกำมือของฝ่ายกบฏ ทั้งนี้การสู้รบที่กรุงจูบา มีผู้เสียชีวิตไปราว 500 คนแล้ว ส่วนเมืองบอร์ ก็เป็นเป้าหมายที่ฝ่ายรัฐบาลกำลังพยายามจะยึดคืน
ขณะที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) แถลงว่า เครื่องบินลูกผสม “ออสเปรย์” ซีวี-22 ซึ่งสามารถบินขึ้นลงทางดิ่ง จำนวน 3 ลำ ได้รับความเสียหายจากการโจมตี ทำให้ต้องเปลี่ยนเส้นทางไปยังอูกันดา และนำตัวผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาในกรุงไนโรบี โดยขณะนี้ทหารเหล่านั้นปลอดภัยแล้ว
การโจมตีนี้ตอกย้ำสถานการณ์ที่อันตรายยิ่งขึ้นทุกทีในซูดานใต้ หลังจากเมื่อไม่กี่วันมานี้ฐานปฏิบัติการอย่างน้อย 1 แห่งของยูเอ็นถูกโจมตี ทำให้ทหารอินเดียในกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ เสียชีวิต 2 นาย และอาจมีพลเรือนได้รับบาดเจ็บอีกนับสิบ
อเมริกา อังกฤษ เคนยา และอูกานดาต่างอพยพพลเมืองของตนออกจากซูดานใต้ เช่นเดียวกับบริษัทน้ำมันที่นำพนักงานบินออกจากประเทศนี้ หลังจากแรงงานท้องถิ่นอย่างน้อย 5 คนเสียชีวิตเมื่อวันพุธ (18)
เครื่องออสเปรย์ ซีวี-22 บินออกจากฐานปฏิบัติการพิเศษกองทัพอากาศสหรัฐฯ เพื่อนำพลเมืองและเจ้าหน้าที่อเมริกันออกจากซูดานใต้ นอกจากนั้น อเมริกายังส่งกองกำลังติดอาวุธเข้าไปคุ้มครองสถานทูตและเจ้าหน้าที่ของตนในประเทศดังกล่าว
ทั้งนี้ การผลิตน้ำมันเป็นองค์ประกอบกว่า 95% ของเศรษฐกิจของซูดานใต้ ซึ่งแยกตัวจากซูดานหลังจากสงครามกลางเมืองนาน 2 ทศวรรษ ที่มีผู้สังเวยชีวิตถึง 2 ล้านคน
รัฐบาลซูดานใต้แถลงว่า พลเอกเจมส์ โคแอง โชล ผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพในรัฐยูนิตี้ทางเหนือ ได้แปรพักตร์ไปร่วมกับกองกำลังกบฏที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วของมาชาร์
ขณะเดียวกัน ฟิลิป เอเกอร์ โฆษกกองทัพปลดแอกประชาชนซูดานยืนยันว่า ยูนิตี้ที่เป็นรัฐที่ทำการผลิตน้ำมันที่สำคัญของประเทศยังอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล ยกเว้นเพียงเมืองหลวงของรัฐคือ เบนทิว ซึ่งขณะนี้คนงานบริษัทน้ำมันต่างพากันหนีออกจากเมืองดังกล่าว
เอ็มมา วิกเกอร์ส จากกลุ่มรณรงค์ระหว่างประเทศ โกลบัล วิตเนสส์ ชี้ว่า ศักยภาพของความมั่งคั่งจากน้ำมัน อาจทำให้สถานการณ์การแย่งชิงอำนาจรุนแรงขึ้น โดยหากกลุ่มกบฏสามารถยึดครองบ่อน้ำมัน จะเท่ากับว่า รัฐบาลถูกจับเรียกค่าไถ่