เอเอฟพี – ร่างของ เนลสัน แมนเดลา ประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของแอฟริกาใต้ ถูกนำลงบรรจุฝังในที่ดินของครอบครัวแล้วในวันนี้ (15 ธ.ค.) ภายหลังรัฐพิธีศพซึ่งเต็มไปด้วยผู้ออกมากล่าวคำสรรเสริญที่กินใจจนแขกเหรื่อพากันหลั่งน้ำตา และการประกาศก้องคำปฏิญาณว่าจะตามรอยอุดมการณ์ความเสมอภาค และความยุติธรรมของวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้
หีบศพของแมนเดลาถูกนำลงฝังในที่ดินแปลงเล็กๆ ของครอบครัวของเขาที่หมู่บ้านกูนู ซึ่งอยู่ในเขตชนบทและเป็นสถานที่ซึ่งเขาเคยอาศัยอยู่ตอนยังเป็นเด็ก ผู้ที่เข้าร่วมพิธีฝัง คือ กราซา มาเชล ภรรยาหม้าย วินนี มาดิกีเซลา-แมนเดลา อดีตภรรยา และสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ ตลอดจนแขกที่ได้รับเชิญอีกราว 450 คน
การปลงศพนี้มีขึ้น หลังรัฐพิธีศพที่ผ่านพ้นไปด้วยดีภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ 2 ชั่วโมง ซึ่งบรรดาแขกที่มาร่วมงานคนแล้วคนเล่าต่างผลัดเปลี่ยนกันขึ้นมากล่าวไว้อาลัยแก่ชายที่ฉุดแอฟริกาใต้ขึ้นมาจากยุคเหยียดสีผิวผู้นี้
“บุคคลที่นอนอยู่ตรงนี้ คือ ลูกชายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแอฟริกา” ซีริล รามาโฟซา รองประธานรัฐสภาแห่งชาติแอฟริกาใต้ (เอเอ็นซี) กล่าวในตอนเริ่มต้นรัฐพิธี
ปืนใหญ่ยิงสลุต 21 นัด และแถวทหารกองเกียรติยศ เดินเคียงข้างหีบศพของแมนเดลา ไปยังปะรำพิธีที่มีผู้ไว้อาลัยมาเข้าร่วม 4,500 คน เพื่ออำลาอาลัยอดีตผู้นำที่รักของพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย
หีบบรรจุศพที่คลุมด้วยผืนธงชาติของเขาถูกวางลงบนพรมหนังวัว โดยมีเทียน 95 เล่มปักล้อมรอบ เทียนแต่ละเล่มเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตที่ไม่ธรรมดาในแต่ละปีของแมนเดลา
กราซา มาเชล ภรรยาหม้ายของแมนเดลา ที่ไม่ค่อยยอมออกห่างจากเขาไปไหนในช่วงเดือนท้ายๆ ในชีวิตของเขา พร้อมทั้ง วินนี มาดิกิเซลา-แมนเดลา อดีตภรรยา ของแมนเดลาทอดสายตามองอย่างเศร้าใจ
นอกจากนี้ บรรดาผู้นำการต่อสู้ลัทธิเหยียดสีผิวในแอฟริกาใต้ ที่ปัจจุบันร่างกายอ่อนแอ และสูงวัย เป็นต้นว่า จอร์จ บิซอส, เดส์มอน ตูตู และอาห์เหม็ด คาธราดา ต่างมาร่วมพิธีศพของแมนเดลา โดยคาธราดาได้กล่าวสรรเสริญสหายเก่าของเขา ด้วยสุ้มเสียงอันแหบพร่าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ
เขาย้อนรำลึกถึงเพื่อนนักโทษถูกจองจำผู้นี้ ในฐานะนักมวยสมัครเล่นผู้ทรงพลัง ที่สามารถทนต่อความเจ็บปวดจากร่างกาย อันเกิดจากการทำงานหนักได้ดีกว่าคนอื่นๆ
“ชายคนที่ผมเห็นที่โรงพยาบาลช่วยอะไรตัวเองไม่ได้เลย และดูเหมือนกับเป็นเพียงเงาของตัวเองเท่านั้น” เขากล่าวโดยพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้
“เราขอแสดงความเคารพคุณ ผู้เป็นนักสู้เพื่อเสรีภาพ ลาก่อนพี่ชายที่รักของผม ผู้ให้คำปรึกษาของผม ผู้นำของผม”
“ตอนนี้ ผมได้สูญเสียพี่ชาย ชีวิตของผมมีแต่ความว่างเปล่า และไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใคร”
คำพูดของเขาเรียกน้ำตาจากคนจำนวนมาก ในบรรดาแขกเหรื่อที่มาร่วมรัฐพิธีนี้ ซึ่งรวมถึงผู้มีฐานันดรศักดิ์ และบุคคลที่มีชื่อเสียงจากประเทศต่างๆ นับตั้งแต่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ แห่งอังกฤษ ไปจนถึง โอปราห์ วินฟรีย์ พิธีกรรายการทอล์คโชว์ยอดนิยมของสหรัฐฯ