เอเอฟพี – ผู้บริหารสายการบินแควนตัสของออสเตรเลีย มีคำสั่งปลดพนักงานอีก 1,000 ตำแหน่งวันนี้ (5) หลังทำผลกำไรไม่เข้าเป้า และมีแนวโน้มว่า “จิงโจ้บิน” อาจจะขาดทุนสูงถึง 300 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
อลัน จอยซ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารของแควนตัส เปิดเผยว่า สายการบินทำกำไรได้น้อยจนเป็นที่น่าสังเกต ซ้ำยังต้องเผชิญแรงกดดันอื่นๆ เช่น ราคาเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์, เงินดอลลาร์ออสเตรเลียที่แข็งค่า ตลอดจนสายการบินคู่แข่งที่ได้รับการอุดหนุนจากภาครัฐ
คำสั่งปลดพนักงานครั้งล่าสุดส่งผลให้ราคาหุ้นแควนตัสดิ่งลงทันทีถึง 17.26% มาอยู่ที่ 99.5 เซนต์ ทั้งที่เมื่อเดือนสิงหาคม แควนตัส เพิ่งแถลงผลประกอบการในช่วงปี 2012/13 ว่าทำกำไรได้ราว 5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นผลจากการจับมือเป็นพันธมิตรกับสายการบินยักษ์ใหญ่อย่าง “เอมิเรตส์”
“ความท้าทายที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้หนักหนาสาหัสเหลือเกิน... นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลก แควนตัสก็ต้องเจอกับบรรยากาศธุรกิจที่ไม่เอื้ออำนวยมาโดยตลอด รวมถึงปัญหาการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย และราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ซึ่งทำให้สายการบินของเราที่มีฐานค่าใช้จ่ายสูงอยู่แล้วย่ำแย่ลงไปอีก” จอยซ์ ระบุในคำแถลงต่อตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย
จอยซ์ ประเมินว่า ในช่วงครึ่งปีหลังจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม บริษัทจะมีผลประกอบการขาดทุนก่อนหักภาษีประมาณ 250-300 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารในช่วงเดือนพฤศจิกายนลดลงไปมาก
ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงครึ่งปีหลังจะสูงถึง 2,270 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 88 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
จอยซ์ ระบุว่า แควนตัสจำเป็นต้องออก
มาตรการ “เร่งด่วน” เพื่อกอบกู้ผลกำไร ซึ่งหมายรวมถึงการปลดพนักงานออกอย่างน้อย 1,000 ตำแหน่ง, ลดเงินเดือนของตนเองและบอร์ดบริหารสายการบิน, ทบทวนเรื่องค่าใช้จ่ายกับซัพพลายเออร์หลักๆ และงดขึ้นเงินเดือนและโบนัสให้กับพนักงานที่เหลืออยู่