เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - สื่อเอเอฟพีและสื่ออาร์ทีของรัสเซียรายงาน การประท้วงรัฐบาลนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เคยสงบกลับเปลี่ยนเป็นความรุนแรง หลังจากมีการปะทะเกิดขึ้นในคืนดึกวันเสาร์ (30 พฤศจิกายน) ระหว่างผู้ประท้วงฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลและผู้ประท้วงฝ่ายต่อต้านรัฐบาลท่ามกลางการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นผลให้มียอดล่าสุดผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 45 ราย และล่าสุด เอเอฟพีรายงานว่า ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่ม็อบต้านที่สะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบฯ ด้านนอกทำเนียบรัฐบาล และบริเวณใกล้เคียงในเช้าวันอาทิตย์ (1)
ในเช้าวันอาทิตย์ (1) เอเอฟพีรายงานว่า ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำใส่ม็อบต้านที่สะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบฯ ซึ่งผู้ประท้วงพยายามที่จะฝ่าเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล โดยม็อบฝ่ายต้านพยายามที่จะเปลี่ยนทำเนียบรัฐบาลไทยให้กลายเป็น “สภาประชาชน” ในขณะที่นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คอยติดตามดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจากกองบัญชาการในที่ซึ่งไม่เปิดเผย
โดยตำรวจปราบจลาจลได้โยนระเบิดแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วงหลังจากที่ผู้ประท้วงพยายามรื้อแบริเออร์กีดขวาง และตัดขดลวดหนามที่วางไว้รอบๆทำเนียบตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งมีหน่วยความมั่นคงรักษาการอย่างแน่นหนา รวมถึงหน่วยทหารที่ไม่มีอาวุธ รายงานจากผู้สื่อข่าวเอเอฟพี
ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) ได้รายงานยืนยันกับเอเอฟพีว่า ยอดล่าสุดของการเสียชีวิตหลังจากการปะทะในขณะนี้อยู่ที่ 2 ราย และมีจำนวนผู้บาดเจ็บราว 45 ราย ซึ่งสื่ออาร์ทีของรัสเซีย รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีการสาดกระสุนเกิดขึ้นในการประท้วงเพื่อขับไล่รัฐบาลของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในดึกคืนวันเสาร์ (30 พฤศจิกายน) ใกล้กับสนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งเป็นสถานที่เหล่าผู้สนับสนุนรัฐบาลเพื่อไทย กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ “คนเสื้อแดง” จำนวนอย่างน้อย 20,000 คน ที่ได้ปักหลักอยู่ อ้างจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลในบริเวณใกล้เคียง
โดยพบว่าสาเหตุการเสียชีวิตและบาดเจ็บนั้นเกิดจากถูกยิงและถูกมีดแทง ซึ่งสถานการณ์ยังไม่เป็นที่แน่ชัด ทราบเพียงคร่าวๆ ว่า ความรุนแรงได้เกิดขึ้นหลังจากม็อบต้านได้ปะทะกับกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาล หรือคนเสื้อแดง ที่ได้เดินทางมาชุมนุมด้วยรถโดยสารสาธารณะที่สนามกีฬาแห่งชาติไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง อ้างจากเอเอฟพีและเอพี
พบว่ามีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 5 รายได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืน และอีก 5 รายได้รับบาดเจ็บจากการถูกแทงด้วยมีดหรือด้วยก้อนหิน รายงานตัวเลขจากโรงพยาบาลรามคำแหง และโรงพยาบาลแพทย์ปัญญาที่เปิดเผยกับรอยเตอร์
ในเช้าวันเสาร์ (30 พฤศจิกายน) กลุ่มม็อบต้าน หรือที่เรียกว่า “กลุ่มคนเสื้อเหลือง” ได้พยายามบุกเข้าทำเนียบรัฐบาลที่ตั้งอยู่กลางใจเมืองกรุงเทพฯ และกลุ่มผู้ประท้วงบางส่วนได้เข้าทำลายรถโดยสารสาธารณะใกล้กับสถานที่ชุมนุมของคนเสื้อแดง รายงานจากเอเอฟพี
ในขณะที่ยูเซอร์ของเว็บไซต์ราว 750,000 ยูเซอร์ ในไทยที่ใช้บริการของบริษัทองค์การโทรศัพท์ หรือ TOT ไม่สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ เนื่องจากมีเหตุขัดข้องทางเทคนิค ซึ่งทางบริษัท TOT ไม่ได้ออกมาอธิบายชัดเจนว่า เหตุขัดข้องนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการประท้วงหรือไม่ แต่มีรายงานก่อนหน้านั้นว่า มีกลุ่มผู้ประท้วงม็อบฝ่ายต้านได้รวมตัวอยู่ในบริเวณบางส่วนของบริษัท TOT รวมถึงยังรวมตัวในช่วงสั้นๆ ใกล้กับบริทัท กสท คมนาคม หรือ CAT และสถานีโทรทัศน์หลายแห่งที่สำคัญของประเทศ
ตลอดระยะเวลา 6 วันที่กรุงเทพฯเป็นศูนย์กลางการประท้วงขับไล่รัฐบาลที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา ที่มีผู้ชุมนุมนับแสนคนรวมตัวเรียกร้องให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออก และกำจัดระบอบทักษิณ “มีกลุ่มผู้ประท้วงม็อบต้านหลายสิบคนได้กรูเข้าทำลายรถบัสที่ขนคนเสื้อแดงเพื่อเข้าร่วมการชุมนุมด้วยอิฐตัวหนอน และเก้าอี้พลาสติก ทั้งๆ ที่ยังมีผู้โดยสาร (ผู้ประท้วงกลุ่ม นปช.) อยู่บนรถ” ช่างภาพเอเอฟพีที่อยู่ในที่เกิดเหตุรายงาน ในขณะที่พยานที่เห็นเหตุการณ์เผยกับรอยเตอร์ว่า มีคนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกทำร้ายร่างกาย
และเจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่า หลังจากมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ทางตำรวจได้ขอกำลังเสริมจากทางกองทัพจำนวน 3,000 นาย เข้าประจำเพื่อรักษาความปลอดภัยในเมืองหลวงของประเทศ โดยโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจตรี ปิยะ อุทาโย ได้แถลงผ่านทางโทรทัศน์ว่า “นับตั้งแต่คืนนี้จะมีเจ้าหน้าที่ทหารออกปฎิบัติการณ์รักษาความปลอดภัย”
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการปะทะเกิดขึ้น แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ธิดา ถาวรเศรษฐ ได้สั่งให้คนเสื้อแดงยุติการชุมนุม “เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ยุ่งยากสำหรับรัฐบาลพรรคเพื่อไทบในอนาคต ทางแกนนำจึงตัดสินใจที่จะยุติการชุมนุมเพื่อให้พี่น้องเสื้อแดงเดินทางกลับบ้าน”
ธิดาได้ประกาศกับที่ชุมนุม อ้างจากเอเอฟพี