เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 43 คน และได้รับบาดเจ็บมากกว่า 450 คน หลังเกิดเหตุกราดยิงระหว่างมีการเดินขบวนประท้วงต่อต้านกลุ่มติดอาวุธในกรุงตริโปลี เมืองหลวงของลิเบียในวันเสาร์ (16)
ซาลาห์ อัล-มาร์กานี รัฐมนตรียุติธรรมลิเบีย เปิดเผยว่า เกิดการกราดยิงใส่กลุ่มผู้ประท้วง รวมถึงเกิดการยิงปะทะกันเองระหว่างสมาชิกกลุ่มติดอาวุธหลายกลุ่มนับตั้งแต่วันศุกร์ (15) จนถึงคืนวันเสาร์ (16) ในกรุงตริโปลี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 43 ราย ขณะที่อีกมากกว่า 450 คนได้รับบาดเจ็บ
ด้านนายกรัฐมนตรี อาลี เซดาน แห่งลิเบีย ออกโรงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มีความอดทนอดกลั้นและหาทางยุติการปะทะโดยเร็ว พร้อมเตือนบรรดากลุ่มติดอาวุธถึงการเข้ามาก่อเหตุร้ายในเมืองหลวงของประเทศว่า อาจทำให้สถานการณ์ยิ่งทวีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
เหตุรุนแรงระลอกล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากที่ประชาชนจำนวนนับพันคนในกรุงตริโปลีออกมาเดินขบวนประท้วงเพื่อขับไล่กลุ่มติดอาวุธที่มาจากเมืองมิสราตา ให้ออกไปจากเมืองหลวงของลิเบีย หลังจากที่กลุ่มติดอาวุธดังกล่าวเข้ามาปักหลักอยู่ในตริโปลีตั้งแต่ช่วงสงครามกลางเมืองเมื่อ 2 ปีก่อน แทนที่จะกลับไปยังเมืองของตน ที่อยู่ทางตะวันตกของประเทศและเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 3 ของลิเบีย
โดยการประท้วงครั้งนี้สร้างความไม่พอใจแก่พวกนักรบจากมิสราตาและมีการยิงปืนใส่ฝูงชนที่ออกมาประท้วง เป็นเหตุให้กลุ่มติดอาวุธกลุ่มอื่นๆในกรุงตริโปลีออกมาผสมโรงจนเกิดการยิงต่อสู้กันอย่างหนัก
ทั้งนี้ ลิเบียตกอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างจากบ้านป่าเมืองเถื่อน หลังจากที่ระบอบการปกครองของมูอัมมาร์ กัดดาฟีที่กุมอำนาจในลิเบียมานานกว่า 42 ปีมีอันต้องล่มสลายลง จากผลของสงครามกลางเมืองและการแทรกแซงทางทหารของสหรัฐฯ รวมถึงชาติพันธมิตรในองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ในปี 2011
และการล่มสลายของระบอบการปกครองของกัดดาฟีนี้เองที่ทำให้บรรดานักรบฝ่ายกบฏ ที่ทำสงครามโค่นล้มกัดดาฟี หันมาจัดตั้งกลุ่มติดอาวุธต่อสู้กันเองเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ รวมถึงตั้งตัวเป็นแก๊งอาชญากรที่หารายได้จากการปล้น ลักพาตัวประชาชนเรียกค่าไถ่ เรียกเก็บค่าคุ้มครอง การค้ายาเสพติดและอาวุธสงคราม