รอยเตอร์ - สมาชิกกลุ่มติดอาวุธในลิเบียเข้ายึดครองอาคารบางส่วนของสถานทูตสหรัฐฯ ที่ถูกละทิ้งในกรุงตริโปลีได้แล้ว แต่ยังไม่ได้บุกเข้าไปยังอาคารหลักที่สหรัฐฯ ทำการอพยพเจ้าหน้าที่ทั้งหมดของตนเมื่อเดือนที่แล้ว เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยวานนี้ (31 ส.ค.)
คลิปวิดีโอในยูทิวบ์เผยให้เห็นภาพการบุกรุกอาคารสถานทูตที่เชื่อว่าส่วนใหญ่เป็นฝีมือของกลุ่มติดอาวุธจากเมืองมิสราตา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของลิเบีย โดยในภาพปรากฏชายหลายสิบคน บางคนถืออาวุธ กำลังร่วมชุมนุมอย่างครื้นเครงที่บริเวณสระว่ายน้ำนอกตัวอาคาร บางคนกระโดดพุ่งตัวลงน้ำจากระเบียงของอาคารข้างเคียง
ลิเบียถูกสั่นคลอนจากความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับฝักฝ่ายต่างๆ มาตั้งแต่สิ้นสุดยุคสมัยของมูอัมมาร์ กัดดาฟี เมื่อปี 2011 และกลุ่มแนวร่วมกลุ่มติดอาวุธจากเมืองมิสราตา ซึ่งส่วนหนึ่งมีแนวคิดโน้มเอียงไปในทางอิสลามิสต์กำลังควบคุมเมืองหลวงอยู่ในตอนนี้
การเข้าควบคุมอาคารสถานทูตได้เพิ่มเติมอาจส่งผลกระทบเชิงสัญลักษณ์ต่อนโยบายที่สหรัฐฯมีต่อลิเบีย ซึ่งเหล่ารัฐบาลตะวันตกกำลังกังวลว่าจะกลายเป็นรัฐล้มเหลว 3 ปีหลังจากสงครามที่มีองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) หนุนหลังได้ยุติการปกครองของกัดดาฟี
สหรัฐฯ ได้ถอนเจ้าหน้าที่สถานทูตทั้งหมดออกจากกรุงตริโปลีเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม และผลักดันให้นักการทูตข้ามพรมแดนไปยังตูนิเซีย ท่ามกลางการปะทะกันระหว่างฝักฝ่ายคู่ขัดแย้งที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น
อาคารบางส่วนที่ถูกยึดนี้ ประกอบด้วยที่พักของนักการทูตและสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ตั้งอยู่ห่างจากอาคารสถานทูตราว 2 กิโลเมตร ขณะที่เอกสารและข้อมูลที่อ่อนไหวต่างๆ ได้ถูกทำลายหรือนำออกจากสถานทูตสหรัฐฯ ตั้งแต่ก่อนการอพยพเจ้าหน้าที่แล้ว
สถานการณ์ความมั่นคงในลิเบียเป็นประเด็นที่มีการโต้เถียงกันเป็นพิเศษในเมืองลุงแซม เนื่องจากการโจมตีคณะทูตของสหรัฐฯ ในเมืองเบงกาซีเมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี 2012 ที่กลุ่มติดอาวุธได้สังหาร คริส สตีเวนส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ และชาวอเมริกันอีก 3 คน
สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันยังคงติเตียนประธานาธิบดีบารัค โอบามา เกี่ยวกับการรับมือการโจมตีในเบงกาซีครั้งนั้น และยังอ้างด้วยว่าความไม่สงบในลิเบียครั้งล่าสุดนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างพวกเขามองว่าเป็นความผิดพลาดของนโยบานที่ประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตรายนี้มีต่อภูมิภาคที่ไม่มั่นคงแห่งนี้
“ในตอนนี้ลิเบียถูกทำลายจนกลายเป็นรัฐล้มเหลวแล้ว” จอห์น แม็กเคน สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ บอกในรายการ “Face the Nation” ของช่องซีบีเอส และชี้ว่า “นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณบัญชาการจากเบื้องหลัง”