เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รัฐบาลโคลอมเบียประกาศเพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยทั่วประเทศหลังมีการเปิดเผยข้อมูลว่า กลุ่มกบฏนิยมซ้าย “เอฟเออาร์ซี” มีแผนลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีอัลบาโร อูริเบ หลายฝ่ายกังวลแผนลอบสังหารนี้อาจกระทบการเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของประธานาธิบดีฮวน มานูเอล ซานโตส กับกลุ่มกบฏดังกล่าวที่จับอาวุธทำสงครามกับรัฐบาลมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1964
รายงานข่าวระบุว่า ฮวน การ์โลส ปินซอน รัฐมนตรีกลาโหมของโคลอมเบียได้เข้าพบกับอดีตประธานาธิบดีอูริเบแล้ว เพื่อแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการที่รั่วไหลของกลุ่มกบฏเอฟเออาร์ซีที่ต้องการเอาชีวิตอดีตผู้นำโคลอมเบีย ซึ่งขณะนี้มีอายุ 61 ปี เพื่อเป็นการแก้แค้นที่อูริเบใช้ปฏิบัติการทางทหารกวาดล้างพวกกบฏอย่างรุนแรง ในระหว่างที่เขาครองอำนาจในปี 2002-2010 และผลจากการกวาดล้างครั้งใหญ่ของรัฐบาลในสมัยอูริเบ ทำให้จำนวนนักรบของพวกกบฏเสียชีวิตไปกว่า 50 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนนักรบทั้งหมด
รัฐมนตรีกลาโหมโคลอมเบียเผยว่า ประธานาธิบดีฮวน มานูเอล ซานโตสได้สั่งการให้เพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยทั่วประเทศ รวมถึงเพิ่มความเข้มข้นในการอารักขาอดีตผู้นำประเทศทุกคนที่ยังคงมีชีวิตอยู่ รวมถึงอดีตประธานาธิบดีอูริเบ แม้อูริเบจะได้ชื่อว่าเป็นนักวิจารณ์ฝีปากกล้าที่กล่าวโจมตีการทำงานของรัฐบาลในยุคของซานโตสมาโดยตลอด
อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ทางการโคลอมเบียยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของแผนลอบสังหารต่อสาธารณชน ท่ามกลางความกังวลของหลายฝ่ายว่า แผนปลิดชีพของกลุ่มเอฟเออาร์ซีที่มีเป้าหมายคืออดีตประธานาธิบดีอูริเบนั้น อาจกระทบต่อการเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลโคลอมเบียกับกลุ่มกบฏที่มีรัฐบาลคิวบาเป็นตัวกลาง
ด้านรองประธานาธิบดีอังเฆลิโน การ์ซอน ออกมาเปิดเผยที่กรุงโบโกตาโดยยืนยันว่าประธานาธิบดีฮวน มานูเอล ซานโตสยังคงยึดมั่นในกระบวนการเจรจาสันติภาพกับกลุ่มเอฟเออาร์ซี และตั้งเป้าจะบรรลุข้อตกลงสันติภาพกับกลุ่มกบฏให้ได้ก่อนวันที่ 31 ธันวาคมนี้
ทั้งนี้ การสู้รบระหว่างรัฐบาลโคลอมเบียกับกลุ่มเอฟเออาร์ซี (Fuerzas Armadas Revolucionarias de Colombia) หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า “กองกำลังติดอาวุธเพื่อการปฏิวัติแห่งโคลอมเบีย” ที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 1964 นั้น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 200,000 ราย ขณะที่ประชาชนอีกราว 2.4-4 ล้านคนต้องกลายสภาพเป็นผู้อพยพหนีภัยการสู้รบ