เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ทหารจากกองทัพโคลอมเบียจำนวนอย่างน้อย 15 นายถูกสังหารโหดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังถูกซุ่มโจมตีจากสมาชิกกลุ่มกบฏนิยมซ้าย “เอฟเออาร์ซี” ถือเป็นข่าวร้ายที่อาจส่งผลในเชิงลบต่อความพยายามในการเจรจาสันติภาพที่เปิดฉากขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
ประธานาธิบดีฮวน มานูเอล ซานโตส กัลเดรอน ผู้นำโคลอมเบียวัย 61 ปี ที่ครองอำนาจตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2010 แถลงที่กรุงโบโกตา เมืองหลวงของประเทศ โดยยืนยันการเสียชีวิตของกำลังพลทั้ง 15 นายที่ถูกซุ่มโจมตีที่จังหวัดอะเรากา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ใกล้กับพรมแดนเวเนซุเอลา
“ดวงจิตของเราจะอยู่กับครอบครัวของวีรบุรุษทั้ง 15 นายที่สละชีพของตน เพื่อรักษาความสงบสุขและความมั่นคงของเพื่อนร่วมชาติที่อยู่ในแนวหลัง” ประธานาธิบดีซานโตสกล่าว
ผู้นำโคลอมเบียเผยว่า ทหารทั้ง 15 นายถูกซุ่มโจมตี จากสมาชิกกว่า 70 คนของกองกำลังติดอาวุธเพื่อการปฏิวัติแห่งโคลอมเบีย (Fuerzas Armadas Revolucionarias de Colombia : FARC ) ซึ่งเป็นฝ่ายกบฏนิยมลัทธิมาร์กซิสต์-เลนินนิสต์ที่จับอาวุธต่อสู้กับรัฐบาลโคลอมเบียมายาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1964
ผลจากการปะทะกันล่าสุดทำให้ทหารโคลอมเบียเสียชีวิต 15 นาย ขณะที่สมาชิกฝ่ายกบฏถูกจับกุมตัวได้ 12 คน ซึ่งในจำนวนนี้มี 5 รายได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้
นักวิเคราะห์มองว่า เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นล่าสุดอาจกระทบต่อการเจรจาสันติภาพ ระหว่างฝ่ายกบฏกับรัฐบาลโบโกตาที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วที่คิวบา และถือเป็นความพยายามครั้งที่ 4 ในการเปิดเจรจาระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายนับตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา เพื่อหาทางยุติการสู้รบที่ดำเนินมายาวนานที่สุดของภูมิภาคลาตินอเมริกา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 600,000 ราย ขณะที่มากกว่า 3.7 ล้านคนต้องทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือนเพื่อหนีภัยการสู้รบ และอีกกว่า 15,000 สูญหาย
ความเคลื่อนไหวล่าสุดในโคลอมเบียมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่กองทัพโคลอมเบียออกมาแถลงว่าสังหารสมาชิกฝ่ายกบฏไปได้ 6 คน และสูญเสียทหารไป 4 นายในการปะทะกันในอีกจุดหนึ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ
ขณะที่เมื่อวันศุกร์ (19) กลุ่มกบฏเอฟเออาร์ซีได้ประกาศว่า พวกตนสามารถควบคุมตัวอดีตทหารอเมริกันรายหนึ่ง แต่พร้อมจะปล่อยตัว เพื่อแสดงจุดยืนว่าทางกลุ่มยังยึดมั่นในกระบวนการเจรจาสันติภาพ
