เอเจนซีส์ - ในวันจันทร์ (11) ญี่ปุ่นได้เริ่มเดินเครื่องกังหันลมกลางทะเลน้ำลึกตัวแรก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการฟาร์มกังหันลมที่ตั้งอยู่ห่างจากฝั่งฟูกุชิมะราว 20 กม.เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าทดแทนพลังงานไฟฟ้าที่ได้ถูกผลิตจากโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะบนฝั่งที่ประสบปัญหารั่วไหล เนื่องมาจากแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อปี 2011
กังหันลมไฟฟ้าที่มีขนาด 2 เมกะวัตต์ มีความสูง 300 ฟุต หรือสูงเท่ากับตึก 30 ชั้น พร้อมสถานีลอยน้ำขนาด 66 กิโลวัตต์ ห่างจากชายฝั่ง จ.ฟูกุชิมะไปราว 20 กม.ในทะเลน้ำลึก ต่างจากกังหันลมไฟฟ้าทั่วไปที่ต้องติดตั้งอยู่ในน้ำตื้น ซึ่งกังหันลมต้นแบบตัวแรกนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการสร้างฟาร์มกังหันลมที่มีจำนวนทั้งหมด 143 ตัว และมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นนั้นได้เริ่มเดินเครื่องในวันจันทร์ (11) ที่ผ่านมา
โดยคาดกันว่าโปรเจกต์ฟาร์มกังหันลมนี้ จะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนความต้องการในญี่ปุ่นได้ราว 1.6 พันล้านกิโลวัตต์ หรือเกือบ 8 เท่าของกระแสไฟฟ้าที่บริษัทไฟฟ้าในญี่ปุ่นสามารถผลิตได้ในปัจจุบัน โดยโครงการนี้มีจุดประสงค์เพื่อทดแทนการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะบนฝั่ง ที่ประสบปัญหาการรั่วไหลซ้ำซาก เนื่องมาจากความเสียหายเมื่อครั้งเผชิญแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อเดือนมีนาคมปี 2011
นอกจากนี้โครงการฟาร์มกังหันลมยังเป็นความหวังของญี่ปุ่นที่ต้องการใช้เทคโนโลยีเพื่อผลิตพลังงานสะอาดจากพลังงานทดแทน เช่น พลังงานลม หรือพลังงานนิวเคลียร์ แทนการใช้ถ่านหิน หรือน้ำมันเหมือนในอดีต
ก่อนหน้านี้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์จำนวน 50 เครื่องทั้งหมดในญี่ปุ่น ได้ถูกปิดเพื่อตรวจเช็กตามมาตรการของรัฐบาลญี่ปุ่นหลังจากเกิดวิกฤตที่ฟูกุชิมะที่ยังเป็นปัญหาเรื้อรังจนถึงทุกวันนี้ และมีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์จำนวนอย่างน้อย 14 เครื่อง ได้เริ่มเปิดทำงานใหม่อีกครั้งภายใต้การควบคุมที่เข้มงวด รวมไปถึงการป้องกันเหตุจากการเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิ
“ญี่ปุ่นกำลังเดินก้าวไปข้างหน้าอีก 1 ก้าว โครงการฟาร์มกังหันลมนี้ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งอนาคตของญี่ปุ่น” ยูเฮ ซาโตะ ผู้ว่าราชการ จ.ฟูกุชิมะ เผย โดยเขาได้พยายามล็อบบีอย่างหนักเพื่อให้โครงการนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดวิกฤตที่โรงไฟฟ้าฟูกุชิมะเมื่อ 2 ปีก่อน
โดยโครงการนี้เกิดจากความร่วมมือของบริษัทชั้นนำในญี่ปุ่น เช่น บริษัท เทรดดิงมารุเบนิ บริษัท โทดะ บริษัท ฟูจิเฮฟวี อินดัสตรีส์ และยังได้รับความร่วมมือจากนักวิจัยของมหาวิทยาลัยโตเกียวและมหาวิทยาลัยคิวชู