ลึกลับนานถึง 17 วัน
รอยเตอร์ - สำนักนายอำเภอซานฟรานซิสโกเปิดแถลงในวันพุธ (6) ที่ผ่านมา ยอมรับเป็นครั้งแรกถึงความผิดพลาดหลายครั้งที่ผู้ช่วยนายอำเภอของสำนักงานบกพร่องในคดี ลินน์ สปาลดิง วัย 57 ปี คนไข้หญิงที่หายตัวลึกลับจากเตียงคนไข้โรงพยาบาลซานฟรานซิสโกเจนเนอรัลนานถึง 17 วัน โดยทางผู้ช่วยนายอำเภอค้นหาทุกจุดในโรงพยาบาลจนทั่วยกเว้น “บริเวณจุดบันไดวนหนีไฟของโรงพยาบาล” รวมไปถึงพลาดในการระบุถึงรูปพรรณสัณฐานของสปาลดิงที่ถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรก โดยเริ่มต้นจากสันนิษฐานว่าเป็นหญิงผิวสี จนกระทั่งกลายเป็นถึงหญิงเชื้อสายเอเชีย ทั้งๆ ที่แท้จริงสปาลดิงผู้สูญหายเป็นหญิงผิวขาว
ผู้ช่วยนายอำเภอซานฟรานซิสโกได้ทำพลาดอย่างร้ายแรงในการระบุถึงรูปพรรณของคนไข้หญิงโรงพยาบาลซานฟรานซิสโกเจนเนอรัล ลินน์ สปาลดิง วัย 57 ปี ที่เกิดในอังกฤษ และพวกเขารอเป็นเวลาหลายวันก่อนจะขอภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลเพื่อยืนยันรูปพรรณสัณฐานของคนไข้ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ รอสส์ เมียร์คาริมิ นายอำเภอซานฟรานซิสโกเผย
โดยนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ทางสำนักนายอำเภอซานฟรานซิสโกยอมรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นมากมายในคดีนี้ตั้งแต่เริ่มที่ สปาลดิงหายตัวไป โดยร่างของเธอถูกพบโดยเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของโรงพยาบาลซานฟรานซิสโกเจนเนอรัลในวันที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมา หลังจากการหายตัวของเธออย่างลึกลับจากห้องคนไข้นานกว่า 17 วัน
ซึ่งการเสียชีวิตของสปาลดิงส่งผลให้นายกเทศมนตรีเมืองซานฟรานซิสโก เอ็ด ลี ต้องร้องขอให้มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย UCSF ทำการสอบสวนต่างหากอีกครั้ง “ผมขอให้คำมั่นว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกครั้ง”
สปาลดิง วัย 57 ปี คุณแม่ลูกสอง เข้ารับการรักษาโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบที่โรงพยาบาลซานฟรานซิสโกเจนเนอรัลในวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา และเธอถูกพบอยู่บนเตียงคนไข้ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 21 กันยายน
และเมื่อทางสำนักงานนายอำเภอซานฟรานซิสโกได้รับแจ้งถึงการหายไปของคนไข้หญิงรายนี้ เหล่าผู้ช่วยนายอำเภอเมืองซานฟรานซิสโกได้วอทางวิทยุออกติดตามค้นหา และพวกเขาได้ตรวจสอบทุกพื้นที่ในโรงพยาบาล โดยเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลซานฟรานซิสโกเจนเนอรัลให้ข้อมูลของสปาลดิงเป็น หญิงแอฟริกันอเมริกัน และข้อมูล สปาลดิงที่ผู้ช่วยนายอำเภอมีนั้นเป็นหญิงเชื้อสายเอเชีย แต่แท้ที่จริงแล้วคนไข้รายนี้เป็นหญิงผิวขาว เมียร์คาริมิ กล่าว
และ 4 วันหลังจากการหายตัว ตำรวจซานฟรานซิสโกที่เป็นส่วนหนึ่งของการทำคดีนี้ได้ขอให้ทางสำนักงานนายอำเภอช่วยนำภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลตรวจสอบเพื่อดูช่องทางที่สปาลดิงนั้นได้หายตัวไป เมียร์คาริมิกล่าวต่อ แต่ทางสำนักงานรอนานจนถึงอีก 8 วัน ในการประสานทำตามคำขอของตำรวจ เมียร์คาริมิ กล่าวยอมรับ
และ 9 วันหลังจากสปาลดิงได้หายตัวไป ผู้จัดการจัดการด้านเสี่ยงภัยของโรงพยาบาลซานฟรานซิสโกเจนเนอรัลได้ขอให้บรรดาผู้ช่วยนายอำเภอให้ช่วยค้นหาทั่วทั้งโรงพยาบาลที่มีเนื้อที่ราว 24 เอเคอร์ แต่การค้นหานั้นไม่รวมถึง “บันไดหนีไฟของโรงพยาบาล” เมียร์คาริมิ กล่าวยอมรับต่อ และในวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งเป็น 10 วันหลังจากการหายตัวไปของ สปาลดิง “ผู้ช่วยนายอำเภอได้เริ่มค้นหาบันไดวนหนีไฟครึ่งนึงที่มีอยู่ในโรงพยาบาล” และในวันที่ 4 ตุลาคม เจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ของโรงพยาบาลได้แจ้งให้กับผู้ช่วยนายอำเภอว่า มีรายงานพบว่ามีคนอยู่ตรงทางลงบันไดหนีไฟ “ไม่มีสิ่งใดที่บ่งชี้ว่าบันไดวนหนีไฟจุดนั้นได้ถูกตรวจสอบ” เมียร์คาริมิ กล่าวยอมรับต่อ
โดยในวันที่ 8 ตุลาคม ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพบร่างของสปาลดิงในบันไดวนหนีไฟที่ถูกปิดไว้ไม่ให้เข้า ซึ่งทั้งเพื่อน คนรู้จัก และครอบครัวของสปาลดิงต่างได้แจกจ่ายใบปลิวทั่วเบย์แอเรีย-ซานฟรานซิสโกในการตามหาเธอก่อนที่จะพบร่างของเธอ “มันดูเหมือนจะยุ่งยากมากขึ้นตามลำดับ” เฮก แฮร์รีส ทนายของบุตรสปาลดิงสแปดิงกล่าวหลังการแถลงข่าว “ดูเหมือนทางโรงพยาบาลจะไม่รู้จักคนไข้ของตนเองเลย”
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการรายงานผลออกมาอย่างเป็นทางการถึงสาเหตุการเสียชีวิตของคนไข้หญิงรายนี้และเธอได้หายตัวไปจากเตียงคนไข้ได้อย่างไร