xs
xsm
sm
md
lg

คุณแม่เซเลบ 3 สไตล์ กับลูกๆ วัยซน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

>>ต้อนรับช่วงปิดเทอมกันด้วยบทสัมภาษณ์คุณแม่เซเลบที่ยังสาวและสวย ที่จะมาพูดถึงบรรดาลูกๆ ที่อยู่ในวัยกำลังน่ารักและซนในเวลาเดียวกัน ไปดูกันว่าเหล่าแม่ๆ คนดัง มีเคล็ดลับเลี้ยงลูกอย่างไรในยุคไฮสปีดเช่นนี้
จ้อ–อทิตา สุธาดารัตน์, น้องพราวด์-พศุตม์ สุดลาภา, น้องพร้อม-ณภดล สุดลาภา
คุณจ้อ-อทิตา สุธาดารัตน์ คุณแม่ลูกสองที่ยังสาวและกระฉับกระเฉงอยู่เสมอ ตอนนี้คุณจ้อเป็นนักเขียนอิสระให้ Forbes Thailand จึงมีเวลาให้ลูกชายทั้งสอง น้องพราวด์-พศุตม์ สุดลาภา อายุ 12 ปี และน้องพร้อม-ณภดล สุดลาภา วัย 8 ขวบ อย่างเต็มที่ 

1. เลี้ยงลูกแบบ “ตึงและหย่อน”
“โดยนิสัยพี่เป็นคนเจ้าระเบียบ แต่เราจะไปเลี้ยงลูกแบบเจ้าระเบียบทุกเรื่องมันก็ยาก เขาเป็นเด็ก ความไม่เป็นระเบียบเป็นเรื่องปกติของเด็กๆ อยู่แล้ว ถ้าถามว่าพี่เป็นคุณแม่แบบไหน ก็คงเป็นแบบตึงและหย่อนในเวลาเดียวกัน พี่พยายามเลี้ยงลูกให้เป็นผู้ใหญ่ ให้เขารู้จักเหตุและผล การเลี้ยงลูกมันไม่ใช่งานที่ง่ายเลย แต่พี่พยายามที่จะถ่ายทอดให้เขาว่าอะไรคือเหตุและผล พี่เชื่อว่าเด็กทุกคนชอบให้เราพูดดีๆ กับเขานะ แต่ถ้าเขาทำอะไรผิดก็มีคาดโทษ ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องก็ต้องมีตีบ้าง แต่จะไม่พร่ำเพรื่อ เพราะกลัวลูกติดความก้าวร้าว ต้องให้เขารู้เหตุผลว่าถูกลงโทษเพราะอะไร
จ้อ–อทิตา สุธาดารัตน์, น้องพราวด์-พศุตม์ สุดลาภา, น้องพร้อม-ณภดล สุดลาภา
2. เห็นแววลูกชาย
“ตอนเล็กๆ ประมาณ 3-6 ขวบ พี่จะจับลูกเข้าคอร์ส ทั้งว่ายน้ำ ขี่ม้า พาไปเรียนเปียโน พาไปหาอะไรทำไม่ให้เสียเวลาเปล่า ให้เขาได้ออกกำลังกายและฝึกทักษะต่างๆ พอเขาโตขึ้นสัก 7-8 ขวบ พี่ก็ค่อยเน้นวิชาการมากขึ้น คนเล็กเขาชอบฟุตบอลเป็นพิเศษและก็ทำได้ดี ก็ไปเข้าทีมโรงเรียนที่นานาชาติบางกอกพัฒนา ได้ไปแข่งต่างประเทศ ส่วนคนโตฝึกว่ายน้ำมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนนี้ก็ได้เป็นนักกีฬาของทีมโรงเรียนเหมือนกัน และน้องพราวด์ชอบงานอาร์ต ชอบประดิษฐ์ของ ชอบต่อเลโก้ พี่เลยส่งไปฝึกงานกับน้องชายที่เป็นสถาปนิก เขาได้ลองวาดแปลนบ้านแบบง่ายๆ ลองทำโมเดลบ้านเล็กๆ ปรากฏว่าเขาก็ทำได้ดีเลยนะ”

3. ห่วงที่สุด
“ในฐานะที่ลูกกำลังย่างเข้าวัยรุ่น พี่ห่วงลูกเรื่องยาเสพติดเป็นอันดับแรก สมัยก่อนคนอาจจะติดภาพว่าเด็กเรียนอินเตอร์จะเปรี้ยว โตเร็ว ติดยากันเยอะ แต่พี่มองว่าตอนนี้จะโรงเรียนไทยหรืออินเตอร์ก็ไม่ต่างกันแล้ว พี่ว่าเรื่องยาเสพติดกลายเป็นค่านิยมแปลกๆ ของเด็กยุคหลัง พี่ห่วงมากจริงๆ เพราะไปทางนั้นแล้วจะดึงกลับมายาก พี่เคยเห็นกลุ่มคนที่เป็น บางคนที่เราเคยเห็นตั้งแต่เด็ก เคยมีชีวิตที่ดี แต่พอติดยาก็หลงไปทางนั้น กลับมาไม่ได้แล้ว”
โมนา-วิภาวี คอมันตร์,น้องธิ-เอกวิทย์ และน้องดา-วรดา
คุณแม่โมนา-วิภาวี คอมันตร์ ผู้จัดการทั่วไปของ บี บูเลอวาร์ด ศูนย์การเรียนสำหรับเด็ก ควบตำแหน่งคุณแม่ของฝาแฝดชาย-หญิงวัยน่ารัก น้องธิ-เอกวิทย์ และน้องดา-วรดา วัย 4 ขวบ มาเผยประสบการณ์การเป็นคุณแม่ลูกแฝดที่ต้องจับปูใส่กระด้งกับลูกน้อยวัยซน ทำเอาคุณแม่คนสวยเหนื่อยไม่ใช่น้อย

1. ฝาแฝดนิสัยต่าง
“ทั้งคู่นิสัยคนละอย่างกันเลยนะ แต่เด็กทุกคนซนหมดค่ะ แต่เราสามารถรับมือกับเขาได้ ต้องใช้จิตวิทยาในการพูด อย่างน้องธิ จะไม่ชอบให้เราดุ ต้องพูดหว่านล้อม พูดจาดีๆ ให้เขานึกตาม แต่น้องดา เราต้องดุหน่อย เขาไม่ซนนะ จะแอบดื้อ เหมือนเป็นตัวของตัวเองมาก ถ้าเราบอกให้ทำอะไรจะไม่ค่อยทำ ต่างกับลูกชายที่จะว่าง่ายกว่า ยกตัวอย่างเรื่องเสื้อผ้า เวลาเราจัดไว้ให้ ลูกชายจะใส่หมด แต่ลูกสาวจะไม่ใส่นะ เขาต้องเลือกเอง ไม่งั้นไม่ยอม อย่างเวลาไปเรียน ด้วยความที่น้องธิขี้อายกว่า ส่วนน้องดาจะขาลุย กล้าแสดงออก เลยกลายเป็นว่าพี่ชายให้น้องสาวเป็นช้างเท้าหน้า พอขึ้นอนุบาล 2 เลยจับแยกห้อง เพื่อให้เขาพึ่งพาตัวเองได้ ซึ่งก็ได้ผลค่ะ น้องธิมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นมากขึ้น”
โมนา-วิภาวี คอมันตร์,น้องธิ-เอกวิทย์ และน้องดา-วรดา
2. เคล็ดลับใน 6 ปีแรก
“เรามีความเชื่อว่า 6 ปีแรกของเด็กนั้นสำคัญมาก ครอบครัวเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดในสังคมแต่สำคัญที่สุด ถ้าเราสามารถให้ความอบอุ่น ให้เขาได้รับการปลูกฝังที่ดี พอเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เขาจะมีภูมิคุ้มกันทั้งร่างกายและจิตใจ เราต้องให้ความสำคัญและสร้างความมั่นใจในตัวเองให้เขา ให้เขารู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่า ปัญหาสังคมเดี๋ยวนี้หลายครั้งที่เกิดจากความรู้สึกของคนที่คิดว่าไม่เป็นที่ต้องการของคนอื่น เลยทำอะไรเพื่อเรียกร้องความสนใจในทางที่ผิด จนก่อปัญหาต่างๆ เราพยายามเลี้ยงให้ลูกรู้สึกว่าเชื่อใจเราได้ เล่าทุกอย่างให้เราฟังได้ มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็กล้าปรึกษาเรา”

3. ส่งเข้าโรงเรียนไทย ให้มีสัมมาคารวะ
“ทั้งคู่เรียนที่อนุบาลกุ๊กไก่ค่ะ เราอยากให้เขาอยู่ในระบบไทยมากกว่า ไม่ได้บอกว่าโรงเรียนนานาชาติไม่ดีนะ แต่อยากให้เขามีสัมมาคารวะ เคารพผู้ใหญ่ โดยเฉพาะลูกผู้หญิง เราไม่อยากให้เขาเป็นสาวเร็ว เพราะเป็นห่วง แต่โตขึ้นก็คงมองๆ โรงเรียนสองภาษาเอาไว้ดีกว่า เราอยากให้เขาช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ไม่เคยไปกะเกณฑ์ว่าโตขึ้นไปเขาจะเป็นอะไร จะพยายามสังเกตว่าเขาถนัดด้านไหนมากกว่า อย่างน้องธิ จะชอบอะไรที่เป็นศิลปะ ดนตรี เน้นบันเทิง ไม่ค่อยชอบวิชาการ เราก็ให้เขาลองเรียนดนตรี ร้องเพลง ทำกิจกรรมสันทนาการ แต่ผู้หญิงเขาไม่เอาทางนี้เลยนะ จะเน้นวิชาการ ชอบขีดเขียนมากกว่า”
อภิญญา วิศวพลานนท์, น้องเคต - ชกร วิศวพลานนท์
คุณแม่คนสวย “อภิญญา วิศวพลานนท์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ เอ็ม อาร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้บริหาร Amorini บูติกไลฟ์สไตล์มอลล์สุดเก๋ย่านรามอินทรา กับน้องเคต - ชกร วิศวพลานนท์ ลูกสาววัย 6 ขวบ สาวน้อยหน้าหวานซึ่งนับเป็นแก้วตาดวงใจของครอบครัว ที่วันนี้จูงมือกันมาโชว์ความสวยแบบแพกคู่ พร้อมแบ่งปันแนวคิดในการเลี้ยงลูกของคุณแม่ยุคใหม่

1. สวนกระแสเด็กอินเตอร์ เน้นปลูกฝังความเป็นไทย
“บีกับสามี (ฉัตร วิศวพลานนท์- อดีตเลขาธิการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) ตัดสินใจให้ลูกเข้าเรียนที่สาธิตจุฬาฯ ไม่เลือกโรงเรียนนานาชาติเพราะภาษาไทยเป็นภาษาที่ค่อนข้างยาก เราอยากให้เขาได้มีพื้นฐานภาษาไทยที่แข็งแรง และที่สำคัญสุดเราต้องใช้ชีวิตอยู่เมืองไทย เราต้องมีสังคมและเพื่อนคนไทยด้วยกัน ส่วนเรื่องภาษาอังกฤษ แค่สื่อสารเข้าใจ ทำงานได้ ใช้งานได้ถูกต้อง ไม่ต้องสำเนียงดีเลิศ แต่ทุกวันนี้โรงเรียนไทยก็มีการสอนภาษาอังกฤษโดยอาจารย์ต่างชาติเหมือนกัน เลยตัดสินใจให้เขาเรียนโรงเรียนไทยดีกว่า แถมเขายังจะได้รับการปลูกฝังความเป็นไทย ซึ่งสิ่งดีๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของคนไทย การได้อยู่โรงเรียนไทยน่าจะเหมาะที่สุดแล้วสำหรับลูกค่ะ”
อภิญญา วิศวพลานนท์, น้องเคต - ชกร วิศวพลานนท์
2. คำสอนที่ดีและครอบครัวที่อบอุ่นในวันนี้ คือ เกราะป้องกันภัยในวันข้างหน้า
“เห็นสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป สิ่งยั่วล่อใจมีอยู่รอบด้าน เราก็แอบเป็นห่วงเขาหน่อยๆ นะ แต่ไม่ได้วิตกกังวลมากมายเพราะบีเชื่อว่า ถ้าเรามีเวลาดูแลสั่งสอนและเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็น ก็จะทำให้เค้าเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต หลักๆ ก็จะสอนให้ลูกช่วยเหลือตัวเอง มีความรับผิดชอบในหน้าที่ มีอิสระในความคิด สอนให้รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด มีเหตุมีผล ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำ รู้จักพอเพียงและช่วยเหลือแบ่งปันผู้อื่น นอกจากนี้บีเชื่อว่าครอบครัวสำคัญมากค่ะ การให้ความรัก ดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดทำให้เด็กมีความมั่นใจในตนเองและมีความสุข และช่วยส่งเสริมให้เขาตัดสินใจเลือกทางเดินที่ดีๆ ได้”

3. กิจกรรมสุดโปรดของลูกสาวตัวน้อย
“นอกจากกิจกรรมต่างๆ ที่โรงเรียนแล้วในวันเสาร์เคทจะมีเรียนเปียโนและว่ายน้ำด้วย โดยที่จริงแล้วดูเขาจะชอบเรื่องการแสดง การร้องเพลง หรือการเต้นอยู่เหมือนกัน แต่บียังไม่อยากให้เขาเรียน เพราะมันจะหลายกิจกรรมเกินไป เขายังเด็กอยู่ค่อยๆ ให้เขาโฟกัสไปทีละอย่างดีกว่า เน้นพื้นฐานให้แน่นและในวัยนี้ต้องเน้นเรื่องการเสริมสร้างพัฒนาการด้านร่างกายเช่นการว่ายน้ำก็ได้ในเรื่องการออกกำลังกายและสรีระที่แข็งแรง ส่วนเปียโนก็เป็นพื้นฐานด้านดนตรีอย่างดี ฝึกสมาธิและการฟังให้แม่นเรื่องตัวโน้ตและจังหวะ พอต่อไปเราจะไปต่อยอดด้านร้องเพลงหรือการเต้นมันก็สามารถช่วยได้” :: Text by FLASH
อภิญญา วิศวพลานนท์, น้องเคต - ชกร วิศวพลานนท์
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่  http://www.celeb-online.net และ ติดตาม CelebStagram ได้ที่ http://www.manager.co.th/celebonline/celebstagram/
กำลังโหลดความคิดเห็น