รอยเตอร์ – หนึ่งในสามของหญิงชาวคลีฟแลนด์ ที่หนีรอดจากการถูก เอเรียล คาสโตร คนขับรถบัสลักพาตัวเธอไปขังไว้นาน 11 ปี ได้เล่าถึงความทุกข์ทรมานที่เธอได้รับ ในการให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์ ซึ่งรวมถึงการถูกจับแขวนไว้กับฝาผนังเหมือนเป็นของแต่งบ้านชิ้นหนึ่ง
“เขาตรึงฉันไว้เหมือนกับปลาตัวหนึ่ง ที่เป็นของประดับฝาบ้าน ฉันพูดได้เท่านี้แหละ” มิเชล ไนต์ วัย 32 ปีกล่าวกับฟิล แมคกรอว์ ในการอัดเทปรายการ “ดร.ฟิล” ของเขา ซึ่งเป็นรายการทอล์กโชว์ที่เผยแพร่ผ่านหลายช่องทาง
สำหรับเทปบันทึกการให้สัมภาษณ์ของไนต์ ซึ่งเล่าประสบการณ์ 11 ปีขณะถูกขังไว้ในบ้านของคาสโตร ที่เมืองคลีฟแลนด์ จะนำออกอากาศในวันอังคารและวันพุธ และสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสได้ตัดตอนบางส่วนของรายการมาให้ชมแล้วเมื่อวานนี้ (4 พ.ย.)
ทั้งนี้ไนต์เป็นผู้หญิงคนแรกในจำนวนสามคมที่ถูกคนขับรถบัสผู้นี้ลักพาตัว ตามมาด้วยอแมนดา เบอร์รี วัย 27 ในปี 2003 และจีนา เดจีซัส วัย 23 ในปี 2004 โดยผู้หญิงกลุ่มนี้สามารถหลบหนีออกมาได้เมื่อเดือนพฤษภาคม พร้อมกับลูกสาววัย 6 ขวบของเบอร์รีที่เกิดจากคาสโตร
เรื่องราวของพวกเธอเป็นที่สนใจไปทั่วโลก ขณะที่คาสโตรได้แขวนคอตายในคุกไปตั้งแต่เดือนกันยายน ซึ่งเป็นหนึ่งเดือนหลังจากรับสารภาพผิดในความผิดฐานข่มขืน ลักพาตัว ทรมาน ตลอดจนฆาตกรรมรวมทั้งสิ้นเกือบ 1,000 กระทง และเขาถูกศาลตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต
ไนต์บอกว่าคาสโตรสัญญากับเธอว่า “เมื่อฉันจับตัวเด็กสาวมาไว้ในบ้านได้อีก 2 คน ตอนนั้นฉันจะปล่อยเธอไป”
สำหรับผู้หญิงที่ถูกลักพาตัวอีก 2 คนกำลังวางแผนจะออกหนังสือบอกเล่าความเจ็บปวดที่เธอได้รับ โดยมี แมรี จอร์แดน และเควิน ซัลลิแวน คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ที่คว้ารางวัลพูลิตเซอร์ เป็นผู้ร่วมคณะจัดทำร่วมคณะจัดทำ
ไนต์เป็นเพียงคนเดียวในกลุ่มที่ให้การเป็นพยานในการตัดสินคดีคาสโตร หลังจากที่เขายอมถูกจำคุกตลอดชีวิตแทนการประหารชีวิต และเธอเผยในการให้สัมภาษณ์รายการ “ดร.ฟิล” ว่าเธอเป็นเหยื่อที่คาสโตร “เกลียดชังมากที่สุด” โดยมีครั้งหนึ่งที่เธองัดกุญแจแล้วพยายามจะหนี แล้วคาสโตรบอกเธอว่า “ตอนนี้เธอจะต้องถูกลงโทษแล้ว”