แบล็กเบอร์รีล้มแผนขายกิจการ ตะเพิดซีอีโอ

เอเอฟพี - “แบล็กเบอร์รี” เมื่อวันจันทร์ (4) ละทิ้งความหวังในการหาผู้ซื้อกิจการ พร้อมหันมาปักหมุดอนาคตของตนเองด้วยการอัดฉีดเงิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และฝากความหวังไว้กับแนวทางบริหารจัดการใหม่ หลังจากประกาศแยกทางกับซีอีโอของบริษัทอันปัจจุบันทันด่วน

ถ้อยแถลงของบริษัทมีออกมาในเวลาเกือบ 3 เดือน หลังจากทาง แฟร์แฟ็กซ์ ไฟแนนเชียล โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด ผู้ถือหุ้นใหญ่ ยื่นข้อเสนอซื้อหุ้นส่วนที่เหลือทั้งหมดและแปรเปลี่ยนเป็นบริษัทเอกชน

อย่างไรก็ตาม ในวันจันทร์ (4) แฟร์แฟ็กซ์ แถลงว่าจะปรับเปลี่ยนมาเป็นการลงทุน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในรูปแบบ private placement (การขายหุ้นแบบเจาะจง) และมหาเศษฐี เปรม วัตซา บิ๊กบอสของแฟร์แฟ็กซ์ จะเข้ามาบริหารงานแบล็กเบอร์รีด้วยตนเอง

ขณะเดียวกัน ทรอสเทน เฮนส์ จะก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอของแบล็กเบอร์รี ทั้งที่เพิ่งเข้ามารับงานได้เพียงปีเดียว และจะถูกแทนที่โดย จอห์น เฉิน ซึ่งจะมาทำหน้าที่นี้ในฐานะรักษาการณ์ “ถ้อยแถลงของวันนี้เป็นตัวแทนของการลงมติเชื่อมั่นอย่างมีนัยสำคัญต่อแบล็กเบอร์รีและอนาคตอย่างเด่นชัดของบริษัท รวมถึงการลงทุนระยะยาว” บาร์บารา สตีมีสต์ ประธานบอร์ดบริการของแบล็กเบอร์รีระบุ

แบล็กเบอร์รี แถลงในเดือนสิงหาคม ว่ากำลังมองหาผู้เหมาะสมเข้าซื้อกิจการ เคียงข้างกับยุทธศาสตร์ทางเลือกอื่นๆ โดยต่อมามีข่าวว่า “เฟซบุ๊ก” เครือข่ายสังคมออนไลน์ เลอโนโว ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ของจีน และเซอร์เบรัส บริษัทการลงทุน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก 2 ผู้ก่อตั้งแบล็คเบอร์รีและควอลคอมม์ อิงค์ ได้ทาบทามเข้ามา แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีข้อตกลงใดที่บรรลุทันเส้นตายในวันนี้ (4)

สตีมีสต์บอกว่า การตัดสินใจนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ที่ดีที่สุดของแบล็กเบอร์รีและส่วนประกอบอื่นๆ ในนั้นรวมถึงผู้ถือหุ้น ซึ่งบางรายได้ยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีแบบกลุ่มเอาผิดกับบริษัท ฐานประมาณการณ์ยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนสวยหรูเกินจริง จนเป็นเหตุให้บริษัทต้องขาดทุนย่อยยับหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

แบล็กเบอร์รี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้นำในเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน แต่เวลานี้ถูกบดบังรัศมีจากคู่แข่งสำคัญทั้งแอนดรอยด์ และแอปเปิล นักวิเคราะห์บางส่วนบอกว่าแบล็กเบอร์รีล้าหลังคู่แข่งรายอื่นๆอย่างมากและความหวังเดียวคือยุบกิจการบางอย่าง ซึ่งอาจช่วยกอบกู้ปฏิบัติการซอฟต์แวร์และงานบริการต่างๆ

ในเดือนมกราคม แบล็กเบอร์รีเปิดตัวนโยบายใหม่ในความหวังกอบกู้สถานการณ์ของบริษัท ทว่าจากความเคลื่อนไหวต่างๆ นานาเมื่อเร็วๆ นี้คือสิ่งบ่งชี้ว่ามันล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

โดยช่วงปลายเดือนกันยายน บริษัทแห่งนี้ได้แถลงเตรียมปลดคนงานเพิ่มเติม 4,500 ตำแหน่ง หรือราว 1 ใน 3 ของพนักงานที่มีอยู่ทั่วโลก ตามหลังการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อันน่าห่อเหี่ยวเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา หลังจากคาดหมายว่าในช่วงไตรมาส 2 นี้จะมีผลประกอบการขาดทุนราว 950 ถึง 995 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในนั้นรวมถึงมูลค่าทางบัญชีของทรัพย์สินที่ปรับลดลงและค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้าง ส่วนใหญ่สืบเนื่องจากยอดขายสมาร์ทโฟน Z10 ที่อ่อนแอ