แบล็กเบอร์รีโอเคขายกิจการ นักวิเคราะห์ชี้เป็นทางเลือกดีที่สุดแล้ว

เอเอฟพี - “แบล็กเบอร์รี” ผู้บุกเบิกเทคโนโลยี เสี่ยงเดิมพันครั้งสุดท้ายเมื่อวันจันทร์(23) ตอบตกลงรับข้อเสนอความเป็นไปได้ในการขอเข้าซื้อกิจการของผู้ถือหุ้นใหญ่รายหนึ่ง ซึ่งมีแผนทุ่มเงิน 4,700 ดอลลาร์สหรัฐ ขอซื้อหุ้นทั้งหมด สำหรับนำ Blackberry ออกจากตลาดหุ้นและแปรเปลี่ยนเป็นบริษัทเอกชน

แบล็กเบอร์รี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้นำในเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน แต่เวลานี้ถูกบดบังรัศมีจากคู่แข่งสำคัญทั้งแอนดรอยด์ และแอปเปิล ซึ่งบังเอิญว่าก็เพิ่งแถลงทุบสถิติยอดขายไอโฟนใหม่ในวันจันทร์ (23) ที่ผ่านมา

ถ้อยแถลงของแบล็กเบอร์รี ระบุว่า บริษัทลงนามในหนังสือแสดงเจตนาเสนอซื้อกิจการของกลุ่มๆ หนึ่งที่นำโดยแฟร์แฟ็กซ์ ไฟแนนเชียล โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด ขณะที่ แฟร์แฟ็กซ์ บริษัทแคนาดาของมหาเศษฐี เปรม วัตซา ก็คือผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของแบล็กเบอร์รี โดยเขาถือครอบครองราวๆ ร้อยละ 10 ของหุ้นทั้งหมด

นายวัตซา ซึ่งลาออกจากบอร์ดบริหารของแบล็กเบอร์รีเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กล่าวว่า “การขายกิจการครั้งนี้จะเป็นการเข้าสู่บริบทใหม่ของแบล็กเบอร์รี ลูกค้าและลูกจ้าง เราสามารถมอบมูลค่าแก่ผู้ถือหุ้นในทันที ขณะที่เราเดินหน้าจัดการยุทธศาสตร์ระยะยาวในฐานะบริษัทเอกชน”

ภายใต้ข้อเสนอข้อตกลงแบล็กเบอร์รี-แฟร์แฟ็กซ์ ทางกลุ่มที่นำโดยแฟร์แฟ็กซ์ จะยื่นข้อเสนอขอซื้อหุ้นของแบล็คเบอร์รีจำนวนหุ้นละ 9 ดอลลาร์สหรัฐ และทางแฟร์แฟ็กซ์เองก็จะสนับสนุนหุ้นของตนเองในการเปลี่ยนผ่านเช่นกัน ซึ่งในเรื่องนี้ทางแบล็กเบอร์รีได้เปิดเผยว่าทางบอร์ดบริหารของบริษัทเห็นชอบกับแผนดังกล่าว

คาดหมายว่าการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะ (due diligence) ของแบล็กเบอร์รีจะเสร็จสิ้นในวันที่ 4 พฤศจิกายน และเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายตั้งใจจะเจรจาและทำธุรกรรมขั้นสุดท้ายภายในวันเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม แบล็กเบอร์รีระบุด้วยว่าไม่ได้เปิดเจรจากับแฟร์แฟ็กซ์เพียงเจ้าเดียว และยังจะคงพิจารณาข้อเสนอจากผู้ซื้อรายอื่นด้วย

เหล่านักวิเคราะห์ต่างมองข้อตกลงนี้ในแง่บวก โดย แจ็ก โกลด์ นักวิเคราะห์จาก เจ.โกลด์ แอสโซซิเอต ระบุว่า “บางทีมันอาจเป็นผลที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ข้อทางเลือกที่ไม่น่าดึงดูดใจต่างๆ นาสำหรับแบล็กเบอร์รี”

ขณะที่แบล็กเบอร์รี คือผู้ผู้บุกเบิกวัฒนธรรมการใช้สมาร์ทโฟน ทว่า นับตั้งแต่นั้นผู้ใช้แบล็กเบอร์รีมากมายได้ปันใจไปหาไอโฟนหรือมือถือที่ใช้ซอฟต์แวร์แอนดรอยด์อย่างกาแล็กซีของซัมซุง และจากข้อมูลของบริษัทวิจัยไอดีซี (International Data Corporation) พบว่า แบล็กเบอร์รีมีส่วนแบ่งในตลาดโลกในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ลดลงเหลือแค่ร้อยละ 3.7 ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว

ในวันศุกร์ (20) แบล็กเบอร์รีได้แถลงเตรียมปลดคนงานเพิ่มเติม 4,500 ตำแหน่ง หรือราว 1 ใน 3 ของพนักงานที่มีอยู่ทั่วโลก ตามหลังการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อันน่าห่อเหี่ยวเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

แบล็กเบอร์รีคาดหมายว่าในช่วงไตรมาส 2 นี้จะมีผลประกอบการขาดทุนราว 950 ถึง 995 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในนั้นรวมถึงมูลค่าทางบัญชีของทรัพย์สินที่ปรับลดลงและค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้าง ส่วนใหญ่สืบเนื่องจากยอดขายสมาร์ทโฟน Z10 ที่อ่อนแอ ทั้งที่โทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ถูกเปิดตัวด้วยเป้าหมายกอบกู้ส่วนแบ่งตลาดที่ถูกครอบงำโดยแอนดรอยด์และแอปเปิล

โกลด์และนักวิเคราะห์คนอื่นๆ มองว่า การปรับเปลี่ยนสู่บริษัทเอกชน และเป็นไปได้ว่าจะคืนบังเหียนการดูแลแก่นายไมค์ ลาซาริดิซ ผู้ก่อตั้งบริษัท น่าจะเป็นการเปิดห้องสำหรับจัดระเบียบองค์กรเสียใหม่ และแม้มันอาจทำให้ แบล็คเบอร์รี กลายเป็นผู้เล่นตัวเล็กๆ ในอุปกรณ์มือถือ แต่โกลด์มองว่า “การเข้าสู่บริษัทเอกชน หมายความว่าวอลล์สตรีทจะไม่มาหายใจรดต้นคอพวกเขาอีกต่อไป”

ส่วน ศาสตราจารย์ เอ็น.เวนคัต เวนคาทารามัน จากมหาวิทยาลัยบอสตัน ก็มองว่าบริษัทใหม่นี้อาจดึงดูดบริษัทอื่นๆ อย่างไอบีเอ็ม เอชพี หรือเดลล์ หากว่าพวกเขาพุ่งเป้าไปที่ธุรกิจสื่อสารไม่ใช่ผู้บริโภคเอกชนอย่างปัจจุบัน อย่างไรก็ตามความยั่งยืนของบริษัท ยังคงเป็๋นคำถามอยู่