"แบล็คเบอร์รี" ผู้บุกเบิกเทคโนโลยี เสี่ยงเดิมพันครั้งสุดท้ายเมื่อวันจันทร์(23) ตอบตกลงรับข้อเสนอความเป็นไปได้ในการขอเข้าซื้อกิจการของผู้ถือหุ้นใหญ่รายหนึ่ง ซึ่งมีแผนทุ่มเงิน 4,700 ดอลลาร์สหรัฐฯขอซื้อหุ้นทั้งหมด สำหรับนำ Blackberry ออกจากตลาดหุ้นและแปรเปลี่ยนเป็นบริษัทเอกชน
ถ้อยแถลงของแบล็คเบอร์รี ระบุว่าบริษัทลงนามในหนังสือแสดงเจตนาเสนอซื้อกิจการของกลุ่มๆหนึ่งที่นำโดยแฟร์แฟ็กซ์ ไฟแนนเชียล โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด ขณะที่ แฟร์แฟ็กซ์ บริษัทแคนาดาของมหาเศษฐี เปรม วัตซา ก็คือผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของแบล็คเบอร์รี โดยเขาถือครอบครองราวๆร้อยละ 10 ของหุ้นทั้งหมด
ภายใต้ข้อเสนอข้อตกลงแบล็คเบอร์รี-แฟร์แฟ็กซ์ ทางกลุ่มที่นำโดยแฟร์แฟ็กซ์ จะยื่นข้อเสนอขอซื้อหุ้นของแบล็คเบอร์รีจำนวนหุ้นละ 9 ดอลลาร์สหรัฐฯ และทางแฟร์แฟ็กซ์เอง ก็จะสนับสนุนหุ้นของตนเองในการเปลี่ยนผ่านเช่นกัน ซึ่งในเรื่องนี้ทางแบล็คเบอร์รี ได้เปิดเผยว่าทางบอร์ดบริหารของบริษัทเห็นชอบกับแผนดังกล่าว
คาดหมายว่าการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะ(due diligence) ของแบล็คเบอร์รี จะเสร็จสิ้นในวันที่ 4 พฤศจิกายน และเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายตั้งใจจะเจรจาและทำธุรกรรมขั้นสุดท้ายภายในวันเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตามแบล็คเบอร์รี ระบุด้วยว่าไม่ได้เปิดเจรจากับแฟร์แฟ็กซ์เพียงเจ้าเดียว และยังจะคงพิจารณาข้อเสนอจากผู้ซื้อรายอื่นด้วย
เหล่านักวิเคราะห์ต่างมองข้อตกลงนี้ในแง่บวก โดย แจ็ค โกลด์ นักวิเคราะห์จาก เจ.โกลด์ แอสโซซิเอท ระบุว่า "บางทีมันอาจเป็นผลที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ข้อทางเลือกที่ไม่น่าดึงดูดใจต่างๆนาสำหรับแบล็คเบอร์รี"
โกลด์และนักวิเคราะห์คนอื่นๆมองว่าการปรับเปลี่ยนสู่บริษัทเอกชน และเป็นไปได้ว่าจะคืนบังเหียนการดูแลแก่นายไมค์ ลาซาริดิซ ผู้ก่อตั้งบริษัท น่าจะเป็นการเปิดห้องสำหรับจัดระเบียบองค์กรเสียใหม่ และแม้มันอาจทำให้ แบล็คเบอร์รี กลายเป็นผู้เล่นตัวเล็กๆในอุปกรณ์มือถือ แต่โกลด์มองว่า "การเข้าสู่บริษัทเอกชน หมายความว่าวอลล์สตรีท จะไม่มาหายใจรดต้นคอพวกเขาอีกต่อไป"
ถ้อยแถลงของแบล็คเบอร์รี ระบุว่าบริษัทลงนามในหนังสือแสดงเจตนาเสนอซื้อกิจการของกลุ่มๆหนึ่งที่นำโดยแฟร์แฟ็กซ์ ไฟแนนเชียล โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด ขณะที่ แฟร์แฟ็กซ์ บริษัทแคนาดาของมหาเศษฐี เปรม วัตซา ก็คือผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของแบล็คเบอร์รี โดยเขาถือครอบครองราวๆร้อยละ 10 ของหุ้นทั้งหมด
ภายใต้ข้อเสนอข้อตกลงแบล็คเบอร์รี-แฟร์แฟ็กซ์ ทางกลุ่มที่นำโดยแฟร์แฟ็กซ์ จะยื่นข้อเสนอขอซื้อหุ้นของแบล็คเบอร์รีจำนวนหุ้นละ 9 ดอลลาร์สหรัฐฯ และทางแฟร์แฟ็กซ์เอง ก็จะสนับสนุนหุ้นของตนเองในการเปลี่ยนผ่านเช่นกัน ซึ่งในเรื่องนี้ทางแบล็คเบอร์รี ได้เปิดเผยว่าทางบอร์ดบริหารของบริษัทเห็นชอบกับแผนดังกล่าว
คาดหมายว่าการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะ(due diligence) ของแบล็คเบอร์รี จะเสร็จสิ้นในวันที่ 4 พฤศจิกายน และเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายตั้งใจจะเจรจาและทำธุรกรรมขั้นสุดท้ายภายในวันเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตามแบล็คเบอร์รี ระบุด้วยว่าไม่ได้เปิดเจรจากับแฟร์แฟ็กซ์เพียงเจ้าเดียว และยังจะคงพิจารณาข้อเสนอจากผู้ซื้อรายอื่นด้วย
เหล่านักวิเคราะห์ต่างมองข้อตกลงนี้ในแง่บวก โดย แจ็ค โกลด์ นักวิเคราะห์จาก เจ.โกลด์ แอสโซซิเอท ระบุว่า "บางทีมันอาจเป็นผลที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ข้อทางเลือกที่ไม่น่าดึงดูดใจต่างๆนาสำหรับแบล็คเบอร์รี"
โกลด์และนักวิเคราะห์คนอื่นๆมองว่าการปรับเปลี่ยนสู่บริษัทเอกชน และเป็นไปได้ว่าจะคืนบังเหียนการดูแลแก่นายไมค์ ลาซาริดิซ ผู้ก่อตั้งบริษัท น่าจะเป็นการเปิดห้องสำหรับจัดระเบียบองค์กรเสียใหม่ และแม้มันอาจทำให้ แบล็คเบอร์รี กลายเป็นผู้เล่นตัวเล็กๆในอุปกรณ์มือถือ แต่โกลด์มองว่า "การเข้าสู่บริษัทเอกชน หมายความว่าวอลล์สตรีท จะไม่มาหายใจรดต้นคอพวกเขาอีกต่อไป"