xs
xsm
sm
md
lg

“ล็อกฮีดมาร์ติน” เผยโฉมโดรนรุ่นล่าสุด “ Mach 6 SR-72” ที่บินจากแอลเอไปนิวยอร์กเพียง 45 นาที

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซีส์ - บริษัทผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ด้านการทหารยักษใหญ่ของโลก “ล็อกฮีดมาร์ติน”ได้เผยแผนในวันศุกร์(1)ในสื่อ Aviation weekถึงโครงการโดรนรุ่นล่าสุด “ SR-72” ที่พัฒนามาจากยานสอดแนมในตำนานสมัยยุคสงครามเย็น“Mach 3 SR-71” ที่มีความเร็วมากกว่าเดิมถึง 2 เท่า ด้วยความเร็วขนาดไฮเปอร์โซนิก และความสามารถของดาวเทียมจารกรรม ที่พร้อมออกให้ยลโฉมในปี 2018

ในวันศุกร์(1)ที่ผ่านมา บริษัทผลิตอาวุธสัญชาติสหรัฐฯได้เผยโครงการโดรน “ Mach 6 SR-72” ในสื่อ Aviation week ซึ่งโดรนรุ่นนี้ถูกพัฒนามาจากโดรนแบล็กเบิร์ด “Mach 3 SR-71” ซึ่งโดรนรุ่นใหม่นี้จะมีความเร็วขนาด ไฮเปอร์เปอร์โซนิก(ความเร็วเหนือเสียง6 เท่า) ซึ่งเป็นความเร็ว 2 เท่าของรุ่นแบล็กเบิร์ด “ SR-71” หรือเที่ยบเท่าบินจากแอลเอไปนิวยอร์กเพียง 45 นาที
 โดรน “ Mach 6 SR-72”
โดยอากาศยานรุ่นใหม่นี้สามารถที่จะสอดแนมเก็บข้อมูลทางความมั่นคง ทำการมอร์นิเตอร์ และลาดตระเวน( ISR) และสามารถจู่โจมได้ด้วยความเร็วขนาดไฮเปอร์โซนิก พร้อมทั้งราคาที่สามารถรับได้ในสภาพที่สหรัฐฯมีปัญหาด้านงบประมาณการเงิน โดยโครงการนี้ถือกำเนิดมาจากการที่ทางกองทัพสหรัฐฯต้องการความสามารถดาวเทียมสอดแนมร่วมกับเทคโนโลยีอากาศยานที่มีคนขับและไม่มีคนขับรวมอยู่ด้วยกันเพื่อทดแทนยานโดรนรุ่น “ SR-71”

ซึ่งแบล็กเบิร์ดรุ่น “Mach 3 SR-71”นี้ถูกเผยโฉมเป็นครั้งแรกในปี 1966 และใช้ประจำการในกองทัพอากาศสหรัฐฯและหน่วยงาน NSAอยู่จนถึง 1999 เพื่อหาข่าวในช่วงสงครามเย็น โดยความสามารถของ “ SR-71”นั้นอยู่ที่มีความเร็วที่ไม่มีใครเทียบได้ด้วยสปีดที่บินจากแอลเอไปนิวยอร์กด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 4 นาที พร้อมกับความสามารถหลบขีปนาวุธที่ยิงจากพื้นดินสู่อากาศได้ และยังมีความสามารถหลบเรดาร์ฝ่ายตรงข้ามด้วยการบินต่ำ จากรายงานพบว่า มีการสร้างแบล็กเบิร์ด“ SR-71”จำนวนทั้งสิ้น 32 ลำ ซึ่งมี 12 ลำได้เสียหายจากอุบัติเหตุ และยังไม่ปรากฏว่ามียาน“ SR-71”ลำไหนเพลี่ยงพล้ำให้กับศัตรู
 โดรน “ Mach 6 SR-72
แต่กระนั้นด้วยเงินเป็นจำนวนมากในการพัฒนาอากาศยานนี้ขึ้นมาใหม่ ทำให้กองทัพสหรัฐฯในขณะนั้นไม่สามารถดำเนินการได้ถึงแม้ว่าทางกองทัพสหรัฐฯจะใช้โครงการโดรนในการตามล่าเหล่าผู้ก่อการร้ายในต่างแดนแล้วก็ตาม

ซึ่งล็อกฮีดมาร์ตินได้เปิดเผยถึงสมรรถนะของ “SR-72” ว่ามีระบบเครื่องยนต์เป็นแบบเครื่องยนต์คู่ โดยระบบเครื่องยนต์ไอพ่นของโดรนนั้นจะทำให้ “SR-72” มีความเร็วเทียบเท่า “SR-71 และระบบเครื่องยนต์แรมเจ็ตจะทำให้“ SR-72”นั้นมีความเร็วขนาดไฮเปอร์โซนิก ซึ่งหมายความว่า “ SR-72” จะมีความเร็วเป็น 3 เท่าของเครื่องบินที่กองทัพสหรัฐ ฯมีในปัจจุบัน (หากเป็นความเร็วซุปเปอร์โซนิกจะมีความเร็วเหนือเสียง) และนอกจากนี้“ SR-72” ยังสามารถยิงขีปนาวุธด้วยความเร็วเหนือเสียงได้ และเป็นเพราะไม่ใช้ระบบเครื่องยนต์แบบการขับเคลื่อนจรวด ดังนั้นตัวเครื่องบินจึงเบากว่าและมีโครงสร้างที่ซับซ้อนน้อยกว่า
เครื่องบินสอดแนมในตำนานสมัยยุคสงครามเย็นต้นแบบ“ Mach 6 SR-72”
แบรด เลแลนด์ วิศวกรผู้จัดการทีม Skunk Workerของล็อกฮีดมาร์ติน เผยว่า “ได้ทำงาน มากว่า 7 ปีเพื่อพัฒนาเครื่องบินสอดแนมไร้คนขับนี้ให้มีราคาที่เหมาะสมในสภาพที่สหรัฐฯมีปัญหากับงบประมาณการคลังโดยใช้วัสดุเท่าที่มีในสต็อกเพื่อเป็นการลดต้นทุนการวิจัย ” โดยเขากล่าวเสริมว่า มีทีมงาน 20 คนที่ทำอยู่โครงการนี้ในขณะนี้ และกล่าวว่า “ทั้งระบบเครื่องยนต์คู่ที่ทำให้มีความเร็วระดับเหนือเสียง 6 เท่าจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถซ่อนได้หรือโจมตีก่อนได้ ซึ่งความเร็วระดับไฮเปอร์โซนิกจะทำให้วงการโลกของเครื่องบินสอดแนมต้องพลิกโฉมครั้งใหญ่ โดยเขาเสริมต่อว่า จะสามารถผลิตSR-72 ออกมาเป็นตัวอย่างลำแรกได้สำเร็จในปี 2018 และสามารถนำมาประจำการในกองทัพสหรัฐฯได้ในปี 2030
โดยระบบเครื่องยนต์ไอพ่นของโดรนนั้นจะทำให้ “SR-72” มีความเร็วเทียบเท่า “SR-71 และระบบเครื่องยนต์แรมเจ็ตจะทำให้“ SR-72”นั้นมีความเร็วขนาดไฮเปอร์เปอร์โซนิก
อย่างไรก็ตามทางล็อกฮีดปฎิเสธที่จะเปิดเผยถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมดในกาพัฒนา“ Mach 6 SR-72” นี้ และราคาของเครื่องบินสอดแนมลำนี้หากถูกผลิตขึ้นมา


กำลังโหลดความคิดเห็น