เอพี – นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน แห่งอังกฤษ ออกมาขู่จะใช้มาตรการบางอย่างที่ไม่ได้ระบุชัดเจน กับหนังสือพิมพ์ “การ์เดียน” ซึ่งเป็นผู้เปิดโปงโครงการสอดแนมของสหรัฐฯ โดยระบุว่า เป็นเรื่องยากที่เจ้าหน้าที่จะไม่ยุ่งเกี่ยว หากสื่อเจ้านี้ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจในการนำเสนอข่าว
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญของอังกฤษไม่มีบทบัญญัติเพิ่มเติม ที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนจากการถูกรัฐเข้าแทรกแซง อีกทั้งกฎหมายคุ้มครองความลับในราชการของอังกฤษเองก็มีบทลงโทษ ผู้ที่เปิดเผยความลับทางราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ทั่วไปแล้ว บรรดารัฐบาลที่ประสบความสำเร็จต่างก็ใช้วิธีตกลงกับนักข่าวไม่ให้เผยแพร่เรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ ซึ่งถือเป็นประเด็นอ่อนไหว
แม้ว่า การ์เดียนจะเปิดโปงรายละเอียดของการหาข่าวกรองของอังกฤษและสหรัฐฯ ออกมาหลายระลอก แต่กระทั่งบัดนี้ รัฐบาลคาเมรอนก็เลือกที่จะไม่ใช้กฎหมายปิดปากหนังสือพิมพ์เจ้านี้ อย่างไรก็ตาม เขาได้ระบุในการตอบกระทู้ถามของรัฐสภาว่า ความอดทนของรัฐบาลนี้กำลังจะหมดลงแล้ว
ในการประกาศยุทธศาสตร์ของเขา คาเมรอนระบุว่า “วิธีที่เราใช้ก็คือ พยายามพูดคุยกับสื่อมวลชน และอธิบายให้พวกเขาฟังว่า การกระทำเหล่านี้จะก่อให้เกิดความเสียหายได้อย่างไรบ้าง”
“ผมไม่อยากให้ถึงขั้นต้องออกคำสั่งห้าม หรือยื่น D-Notice” เขากล่าว ทั้งนี้ D-Notice หมายถึงคำเตือนที่รัฐส่งให้สื่อมวลชนในประเทศเป็นบางครั้ง ในกรณีการนำเสนอเรื่องความมั่นคงของชาติ ซึ่งเป็นประเด็นที่อ่อนไหว “ผมคิดว่าการเรียกร้องให้สื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมนั้น เป็นวิธีที่เหมาะสมมากกว่า”
“แต่ถ้าพวกเขาไม่แสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ก็เป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะไม่เข้ายุ่งเกี่ยว และไม่ลงมือทำอะไร”
การที่หนังสือพิมพ์ การ์เดียน เผยแพร่ข้อมูลที่ เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน อดีตพนักงานสัญญาจ้างของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นเอสเอ) นำมาแฉนั้น ถือเป็นการเปิดโปงโครงการสอดแนมของสหรัฐฯ ที่มีขอบเขตกว้างขวางทั่วโลก อย่างชนิดทุกซอกทุกมุมเลยทีเดียว
พวกเขาได้อธิบายวิธีการที่ เอ็นเอสเอ ได้ข้อมูลจากบันทึกการโทรศัพท์ของชาวอเมริกันหลายสิบล้านคน ตามรอยอีเมลจำนวนมหาศาลทั่วโลก และกระทั่ง ลอบฟังบทสนทนาทางโทรศัพท์ของผู้นำระดับโลก
นอกจากนี้ GCHQ ซึ่งเป็นหน่วยงานอังกฤษ ที่ทำงานด้านเดียวกับเอ็นเอสเอก็กำลังถูกเฝ้าจับตาอย่างระมัดระวังเช่นกัน
การเปิดโปงได้จุดชนวนให้ทั่วโลกพากันถกเถียงในประเด็นการสอดแนม และความเป็นส่วนตัว แต่ก็มีนักวิจารณ์บางคนกล่าวว่า การตีแผ่ข่าวการหาข่าวกรองของสหรัฐฯ และอังกฤษอย่างโจ่งแจ้งแบบที่ปกติไม่ทำกันเช่นนี้ จะส่งผลร้ายต่อความมั่นคงของทั้งสองประเทศ