เอเอฟพี – ฝรั่งเศสและเยอรมนีร่วมกันผลักดันให้สหรัฐฯ ยอมตกลงวางกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการสืบความลับกันใหม่ หลังมีการเปิดโปงครั้งอื้อฉาวว่า สหรัฐฯ ได้ลอบดักฟังโทรศัพท์มือถือของ แองเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี สหภาพยุโรปแถลงเมื่อคืนวานนี้ (24 ต.ค.)
บรรดาผู้นำ (ของชาติยุโรป) “ได้รับทราบเจตนารมณ์ของฝรั่งเศส และเยอรมนีที่ต้องการจะเจรจาหารือแบบทวิภาคีกับสหรัฐฯ” เฮอร์มาน วาน รอมปุย ประธานสหภาพยุโรปกล่าวในการแถลงข่าวสรุปผลการประชุมซัมมิตวันแรก
วาน รอมปุย กล่าวว่า ประเทศอื่นๆ ก็สามารถเข้าร่วมกับเยอรมนีและฝรั่งเศส หากพวกเขาต้องการ “สร้างความเข้าใจ” กับสหรัฐฯ บนพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ในการหาข่าวกรอง “ก่อนสิ้นปีนี้”
ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง เหล่าผู้นำของชาติสมาชิกอียูทั้ง 28 ประเทศ “ได้ออกคำแถลงฉบับหนึ่ง ที่เน้นย้ำความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างยุโรปกับสหรัฐฯ และคุณค่าของมิตรภาพของทั้งสองฝ่าย”
พวกเขา “ต่างแสดงความมั่นใจว่าความเป็นชาติพันธมิตรกันจะต้องวางอยู่บนพื้นฐานของความเคารพ และความไว้เนื้อเชื่อใจกันและกัน ซึ่งหมายรวมถึงงาน และความร่วมมือด้านข่าวกรองด้วย”
อังกฤษ ซึ่งเป็นชาติสมาชิกอียูชาติหนึ่งนั้น เป็นที่ทราบกันดีว่ามีสายสัมพันธ์ในด้านข่าวกรองกับสหรัฐฯ มานานแล้ว ทว่าเมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามเกี่ยวกับจุดยืนของอังกฤษ แวน รอมปุยได้กล่าวย้ำว่าผู้นำทุกคน ต่างเห็นด้วยกับเนื้อหาของคำแถลงฉบับดังกล่าว ขณะที่นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ของอังกฤษไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ กับนักข่าวที่ยืนรอสัมภาษณ์อยู่
ทางด้าน แมร์เคิล เธอเดินทางมาถึงที่ประชุมในกรุงบรัสเซลส์ ที่กินเวลานาน 2 วันคราวนี้ โดยกล่าวว่า “การสอดแนมเพื่อนๆ ด้วยกันเป็นเรื่องไม่ควรกระทำ” หลังจากที่มีรายงานว่า สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นเอสเอ) ได้ลอบดักฟังโทรศัพท์ของเธอ
“เราจำเป็นต้องมีความไว้เนื้อเชื่อใจกันในหมู่ชาติพันธมิตร และความเชื่อใจเช่นนี้จะต้องสร้างขึ้นใหม่” เธอกล่าว
ทั้งนี้ การประชุมซัมมิตคราวนี้มุ่งหารือในประเด็นการส่งเสริมการจ้างงาน และเศรษฐกิจดิจิตอล ทว่ากลับถูกข่าวอื้อฉาวที่กำลังตกเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในตอนนี้เข้าบดบัง ซึ่งเกี่ยวกับกรณีที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ทำเรื่องน่าอายกับบรรดาชาติพันธมิตร ตั้งแต่ฝรั่งเศส กับเยอรมนี ไปจนถึงบราซิล และเม็กซิโก โดยเหตุการณ์อาจไม่จบเพียงเท่านี้ เนื่องจากหนังสือพิมพ์การ์เดียนของอังกฤษเพิ่งประโคมข่าวว่า สหรัฐฯ ยังได้แอบดักฟังบทสนทนาทางโทรศัพท์ของพวกผู้นำของ 35 ประเทศด้วย