บีบีซีนิวส์/รอยเตอร์ - ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ รายงานในวันนี้ (25 ต.ค.) สามารถทำผลกำไรพุ่งลิ่ว 26% ในรอบไตรมาสสาม (ก.ค.-ก.ย.) ของปีนี้ เนื่องจากยอดขายสมาร์ทโฟนที่แข็งแกร่ง และการฟื้นตัวในธุรกิจชิปความจำ อย่างไรก็ตาม พวกนักวิเคราะห์กังวลว่า บริษัทยักษ์ใหญ่เกาหลีใต้รายนี้จะรักษาการเติบโตในระยะยาวได้หรือไม่
ตามรายงานของบริษัท ในรอบไตรมาสสามของปีนี้ ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ทำกำไรสุทธิได้ 8.24 ล้านล้านวอน (ประมาณ 238,960 ล้านบาท) สูงขึ้นจากระดับ 6.56 ล้านล้านวอน ซึ่งทำได้ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่กำไรจากการประกอบการในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.ปีนี้ ก็ทะยานขึ้นทำสถิติใหม่ที่ 10.2 ล้านล้านวอน
บริษัทคาดหมายว่า ยอดขายสมาร์ทโฟนซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตขยายตัวของบริษัทที่สำคัญที่สุด ยังจะเพิ่มขึ้นต่อไปอีกในระยะหลายๆ เดือนจากนี้ไป สืบเนื่องจากการโปรโมชั่นในช่วงสิ้นปี และการที่สมาร์ทโฟนระดับ “ตลาดมวลชน” จำหน่ายได้ดีขึ้น
เมื่อนับรวมไตรมาสล่าสุดนี้แล้ว ซังซุงสามารถทำกำไรจากการปฏิบัติการได้เป็นสถิติใหม่ถึง 6 ไตรมาสจากระยะเวลา 7 ไตรมาสที่ผ่านมา โดยปัจจัยหลักคืออัตราเติบโตของแผนกสมาร์ทโฟน ซึ่งบริษัทมีสินค้าทั้งระดับท็อปเอนด์ และในตลาดระดับล่างๆ ลงมา ทั้งนี้ การจับตลาดหลายๆ ภาคส่วนเช่นนี้ ทำให้ซัมซุงได้เปรียบเหนือพวกคู่แข่งอย่างเช่น แอปเปิล ที่ผลิตเฉพาะสมาร์ทโฟนตลาดบนเท่านั้น อีกทั้งทำให้บริษัทมีฐานะเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลกด้วย
พวกนักวิเคราะห์มองว่า การที่สมาร์ทโฟนกาแลกซีของซัมซุงในรุ่นราคาถูกซึ่งบริษัทผลิตออกมาหลากหลายแบบ เป็นตัวที่เพิ่มยอดจำหน่ายได้มาก และช่วยชดเชยอัตราเติบโตที่กำลังอ่อนตัวลงในภาคส่วนสมาร์ทโฟนท็อปเอนด์
อย่างไรก็ตาม มีข้อกังวลกันอยู่ซัมซุงยังจะสามารถเติบโตด้วยฝีก้าวอันเข้มแข็งเช่นนี้ต่อไปได้หรือไม่ เมื่อต้องเผชิญกับการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งการที่ตลาดสำคัญๆ บางภาคส่วนอยู่ในภาวะอิ่มตัว
“ซัมซุงทำได้ดีมากในเวลานี้ จากการที่สามารถวิ่งไล่ทันแอปเปิลอย่างรวดเร็วในตลาดสมาร์ทโฟน แต่สิ่งที่ผมเป็นห่วงก็คือซัมซุงจะยังสามารถทำให้ดีขึ้นไปอีกหรือไม่” คิม ซุงซู ผู้จัดการกองทุนรายหนึ่งของแอลเอส แอสเสต แมเนจเมนต์ ให้ความเห็น
“ก็คล้ายๆ กับกรณีของโนเกีย เป็นไปได้ทีเดียวว่าซัมซุงอาจจะวิ่งไปชนขีดจำกัดจนไม่สามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้อีก ขณะที่แอปเปิลกำลังตอบโต้กลับมา เหล่านี้เป็นสัญญาณแสดงว่าซัมซุงกำลังเจอศึกหนัก”
พวกนักวิเคราะห์หลายรายบอกว่า ซัมซุงจำเป็นที่จะต้องมีผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาให้มากขึ้น จึงจะสามารถประคับประคองอัตราการเติบโตของตนไว้ได้
ซัมซุงได้แสดงให้เห็นในจุดนี้อยู่เหมือนกัน โดยเมื่อต้นเดือนนี้ ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นที่มีจอภาพแบบโค้ง “กาแลกซี ราวด์” ซึ่งเป็นการแซงหน้าคู่แข่งโสมขาวด้วยกันอย่างแอลจี อย่างน้อยที่สุด 2-3 เดือนในการเสนอโทรศัพท์มือถือซึ่งใช้เทคโนโลยีจอภาพยืดหยุ่นได้
ก่อนหน้านั้นในเดือนกันยายน ซัมซุงได้เผยโฉมนาฬิกาโทรศัพท์ หรือสมาร์ทวอตช์ “กาแลกซี เกียร์” ที่มีจอสี ซึ่งเป็นชัยชนะเหนือบริษัทอย่าง ไมโครซอฟท์, แอปเปิล และกูเกิล ในการเปิดตัวอุปกรณ์ลักษณะเช่นนี้
กระนั้นก็ตามที ตลาดยังไม่ได้ตอบรับผลิตภัณฑ์ทั้งสองนี้อย่างคึกคักอะไรนัก
จากผลประกอบการไตรมาสล่าสุดนี้ ยังแสดงให้เห็นว่าธุรกิจด้านเซมิคอนดักเตอร์ของซัมซุงก็กระเตื้องขึ้นมา โดยทำกำไรได้กว่า 2 เท่าตัวสู่ระดับ 2.1 ล้านล้านวอน สูงที่สุดในรอบ 3 ปี ทั้งนี้ซัมซุงเป็นผู้ซัปพลายเซมิคอนดักเตอร์ให้แก่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายอื่นๆ ด้วย รวมทั้งคู่แข่งขันรายใหญ่ที่สุดอย่างแอปเปิล และบริษัทคาดหมายว่าธุรกิจนี้จะไปได้สวยในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
แต่สำหรับ แผนกเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภค ซึ่งรวมถึงการผลิตเครื่องรับโทรทัศน์ ซัมซุงทำกำไรได้ลดลง เนื่องจากยอดดีมานด์ตกทั้งในจีนและในยุโรป ถึงแม้บริษัทคาดว่าไตรมาสปัจจุบันจะกระเตื้องขึ้น เพราะเป็นช่วงช็อปปิ้งรับเทศกาลหยุดสิ้นปี