เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ธนาคารกลางสเปนยืนยัน แดนกระทิงดุหลุดพ้นจากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจแล้ว หลังพบการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เป็นครั้งแรกในรอบมากกว่า 2 ปี
คำแถลงของแบงก์ชาติสเปนที่กรุงมาดริดระบุว่า จีดีพีของสเปนมีการเติบโตที่ระดับ “0.1 เปอร์เซ็นต์” ในช่วงไตรมาสที่ 3 (เดือนกรกฎาคม-กันยายน) ของปีนี้ ส่งผลให้จีดีพีของสเปนกลับมาเติบโตอยู่ในแดนบวกได้เป็นครั้งแรกในรอบมากกว่า 2 ปี ขณะที่สำนักสถิติแห่งชาติของสเปนเตรียมออกรายงานสรุปตัวเลขทางเศรษฐกิจของประเทศในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดเผยตัวเลขการเติบโตของจีดีพีที่ใกล้เคียงกัน
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของสเปนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ในกลุ่มยูโรโซน และใหญ่เป็นอันดับที่ 5ในสหภาพยุโรป (อียู) กลับมาเติบโตในแดนบวกได้เป็นครั้งแรกในรอบมากกว่า 2 ปีนั้น ทางธนาคารกลางของสเปนเผยว่า เกิดจากปัจจัยเชิงบวกด้านตัวเลขการส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หลั่งไหลเข้ามาพักผ่อน และจับจ่ายใช้สอยในสเปนถึง 48.8 ล้านคนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ยังถือเป็นตัวเลขนักท่องเที่ยวที่สูงที่สุดของสเปนนับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา ส่งผลให้เกิดการใช้จ่ายสะพัดในภาคธุรกิจโรงแรม อสังหาริมทรัพย์ และการบริการ
ทั้งนี้ สเปนต้องประสบภาวะยากลำบากทางเศรษฐกิจนับตั้งแต่เกิดวิกฤตด้านสินเชื่อในปี 2008 จากการที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศต้องเผชิญปรากฏการณ์ “ฟองสบู่แตก” ขณะที่ธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆของสเปนก็ต้องประสบปัญหา “หนี้เน่าท่วมสูง” และขาดสภาพคล่องอย่างหนัก จนหลายแห่งต้องขอรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลมาดริด นอกจากนั้น สเปนยังถูกรุมเร้าจากปัญหาการว่างงาน จากการที่สเปนมีอัตราว่างงานทะลุ 26 เปอร์เซ็นต์ จนติดอันดับเป็นหนึ่งในดินแดนที่มีประชากร “เดินเตะฝุ่น” มากที่สุดของยุโรป
