เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - สภาคองเกรสสหรัฐฯ ทั้งในส่วนของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ต่างให้ความเห็นชอบในวันพุธ (16) ตามเวลาท้องถิ่นต่อข้อตกลงขยายเพดานหนี้และยุติภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางบางส่วน ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่สร้างความโล่งอกให้กับผู้คนทั่วโลก ที่หวุดหวิดจะได้เห็นสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นชาติที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดต้องประสบภาวะผิดนัดชำระหนี้ และส่งผลกระทบให้เกิดหายนะทางเศรษฐกิจ ตลอดจนวิกฤตความเชื่อมั่นครั้งเลวร้าย
รายงานข่าวระบุว่า สมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในทั้งสองสภา ต่างบรรลุข้อตกลงร่วมกันในการขยายเพดานหนี้และยุติภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางบางส่วนที่ดำเนินมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ยุติช่วงเวลาหลายสัปดาห์แห่งความไม่แน่นอน หลังจากที่ฝ่ายรีพับลิกันตัดสินใจยอม “ถอย” ด้วยการยุติความพยายามในการสร้างเงื่อนไขด้านงบประมาณโดยนำกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพ “โอบามาแคร์” ไปผูกติดเพื่อเป็นเครื่องต่อรองทางการเมือง
ความเคลื่อนไหวล่าสุดมีขึ้นหลังจากที่แฮร์รี เมสัน รีด สมาชิกวุฒิสภาวัย 73 ปีจากมลรัฐเนวาดา แห่งพรรคเดโมแครต ในฐานะผู้นำเสียงข้างมากในสภาสูง (Senate Majority Leader) ออกมายืนยันเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้ ถึงการบรรลุข้อตกลงในวุฒิสภาเพื่อเปิดทางให้หน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ กลับมาเปิดทำการได้อีกครั้ง ภายใต้ “งบประมาณชั่วคราว” ไปจนถึงวันที่ 15 มกราคมปีหน้า และกำหนดให้ขยายขอบเขตการกู้ยืมหรือ “เพดานหนี้” ของรัฐบาลวอชิงตันได้ชั่วคราวจนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์
โดยการบรรลุข้อตกลงร่วมกันในทั้งสองสภา มีขึ้นเพียง 1 วันก่อนถึงกำหนดเส้นตายเพิ่มเพดานหนี้จำนวน 16.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้รัฐบาลอเมริกันรอดพ้นการผิดนัดชำระหนี้ได้อย่างฉิวเฉียด
ด้านทำเนียบขาวออกคำแถลงที่ระบุว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามาจะลงนามในร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบของทั้งสองสภาภายในคืนวันพุธ (16) ตามเวลาท้องถิ่น และจะเร่งผลักดันให้หน่วยงานรัฐบาลกลางกลับมาเปิดทำการโดยทันที หลังประสบภาวะ “ชัตดาวน์” มานานเกินกว่า 2 สัปดาห์
ขณะที่ผู้นำสหรัฐฯ ออกคำแถลงโดยระบุว่าสหรัฐฯ สามารถขจัดเมฆหมอกแห่งความไม่แน่นอนและความกังวลของภาคธุรกิจและประชาชนชาวอเมริกันไปได้ในที่สุด พร้อมแสดงความคาดหวังว่า สหรัฐฯ จะไม่ต้องเผชิญวิกฤตในลักษณะเดียวกันนี้ซ้ำอีกเมื่อกฎหมายงบประมาณชั่วคราว และเพดานหนี้สิ้นสุดลงในช่วงต้นปีหน้า