xs
xsm
sm
md
lg

“แม่ชีสายดำ” สอนเด็กป่วยเป็นโรคมะเร็ง เล่น “เทควันโด”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บีบีซีนิวส์ – แม่ชีลินดา ซิม ทิ้งเทควันโดที่เธอรักไปในช่วงที่เธอเข้าร่วมกับสำนักชีคาทอลิก ทว่าหลายปีต่อมาเธอก็ได้งัดเอาสายดำออกมาปัดฝุ่นอีกครั้ง เมื่อต้องใช้กีฬาชนิดนี้เป็นยาพิเศษรักษาเด็กๆ ที่โรงพยาบาลซึ่งให้การดูแลผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายแห่งหนึ่ง ในสิงคโปร์

ในสมัยที่ลินดา ซิมยังสาวๆ เธอใฝ่ฝันจะเป็นทหาร แต่ก็ต้องถูกปฏิเสธเพราะเธอตัวเล็กเกินไป

“ต่อมา ฉันคิดว่าคงจะเป็นตำรวจหญิง เพื่อปกป้องประชาชนได้” แม้เธอจะว่าอย่างนั้น แต่น้ำหนักของเธอก็ยังต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่สำนักงานตำรวจกำหนดไว้อีก

ครั้นแล้วในปี 1971 เธอก็ได้รู้จักเทควันโด และดูเหมือนศิลปะการต่อสู้ชนิดนี้จะสามารถเติมเต็มความต้องการ ที่อยากจะช่วยเหลือผู้อื่นของเธอ “ถ้าฉันได้สายดำ ฉันอาจจะได้เป็นบอดีการ์ด แล้วก็ได้คุ้มกันใครสักคน” ในช่วงไม่กี่ปีเธอก็ได้สายดำแต่ไม่มีอะไรคืบหน้าไปกว่านั้น

ถึงแม้กีฬาชนิดนี้จะช่วยให้เธอมีจิตใจที่แข็งแกร่ง แต่ก็เป็นเวลานานกว่า 30 ปีที่เธอพบว่าไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้เลย

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต ซิมได้พบกับคณะมิชชันนารี “ฟรานซิสกันมิชชันนารีส์ออฟดิไวน์มาเธอร์ฮูด” (เอฟเอ็มดีเอฟ) เธอจึงตัดสินใจร่วมคณะด้วยการถือบวชเป็นแม่ชีคาทอลิก ทำให้พ่อแม่ผิดหวังในตัวเธอมาก

“เพราะฉันเป็นลูกคนเดียว แม่ฉันจึงรู้สึกผิดหวังมาก เมื่อฉันบอกว่าจะอุทิศชีวิตให้กับพระเจ้าและจะสอนศาสนา” เธอเล่า ทั้งนี้พ่อแม่ของเธอหวังจะได้อุ้มหลานมาโดยตลอด

เนื่องจากคณะสอนศาสนากลุ่มนี้ มีที่ตั้งของสำนักงานใหญ่อยู่ในอีกซีกโลกหนึ่งคืออังกฤษ ทำให้พ่อแม่ของเธอก็ต้องพบเรื่องผิดหวังมากกว่าเดิม เมื่อเธอออกจากสิงคโปร์

“ฉันอาศัยอยู่ในอังกฤษ 17 ปี และอีก 3 ปี ในแอฟริกา ที่ๆ ฉันบริหารโรงพยาบาลในซิมบับเว” เธอเล่า

ในช่วงที่เธอใช้ชีวิตในต่างแดน สมาพันธ์เทควันโดแห่งสิงคโปร์ ก็ได้ดำเนินโครงการร่วมกับ โรงพยาบาลเมาท์อัลเวอร์เนีย ที่คณะมิชชันนารีเอฟเอ็มดีเอฟเป็นผู้อุปถัมภ์

หมิง หว่อง เลขาธิการสมาพันธ์เทควันโดอธิบายว่า มีลูกจ้างโรงพยาบาลคนหนึ่งเกิดความคิดว่า กีฬาชนิดนี้น่าจะมีประโยชน์กับคนไข้บางคน เป็นต้นว่า เด็กที่มารักษาโรคมะเร็ง ซิมบอกว่าพวกเขาได้แต่ “อุดอู้เล่นเกมบันไดงูอยู่ในห้อง” และทางสมาพันธ์ก็ตกลงจะจัดชั้นเรียนเทควันโดให้พวกเขา

อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นซิมยังไม่ได้เข้ามาช่วยสอน จนกระทั่งปี 2004 แม่ของเธอป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ เธอจึงรู้สึกอยากกลับมาสิงคโปร์

เมื่อเธอเห็นว่ามีชั้นเรียนนี้เกิดขึ้น เธอก็รู้สึกว่าอยากมีส่วนร่วมทันที “เทควันโดเป็นสิ่งที่ฉันทิ้งเพื่อไปเป็นแม่ชี และฉันคิดว่า ‘ตอนนี้ฉันจะได้กลับมาเล่นอีกครั้ง’ ” เธอกล่าว

ในปัจจุบัน ทุกสัปดาห์เธอจะสอนชั้นเรียนที่มีนักเรียนราว 20 คน โดยทั้งหมดเป็นผู้ป่วยเนื้องอกในสมองหรือ มะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็ก และส่วนใหญ่เป็นเด็ก แม้ว่าอีก 3 คนที่เรียนกับซิมมาหลายปีแล้ว จะมีอายุ 20 เศษ

อึ้ง เหวย ห่าว หนึ่งในนักเรียนอายุมากที่สุด ได้เข้ารับการรักษาเนื้องอกในสมองตั้งแต่อายุ 12 ปี และหมอบอกว่าเขาคงอยู่ได้แค่ 6 เดือน แต่ซิมเผยว่า “ครั้งแรกที่ฉันเห็นเขา ตอนนั้นเขานั่งรถเข็น แต่เมื่อเขาอายุ 21 เขาก็ใช้เครื่องช่วยเดิน และพออายุ 23 เขาเปลี่ยนมาใช้แค่ไม้เท้า แล้วดูตอนนี้สิ เขาเดินได้เองโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยแล้ว” แม้ว่าเหวย ห่าวจะไม่ค่อยได้ยินเสียงและมีสายตาเลือนลาง แต่เขาก็ได้สายดำเมื่อปีแล้วที่เรียนกับซิม

“เด็กๆ เหล่านี้พยายามอย่างสุดความสามารถ แม้จะป่วยแต่พวกเขาก็ทำได้” หว่องกล่าว “ฉันคิดว่าเป็นเพราะพวกเขาอยากใช้ชีวิตให้เต็มที่ เพราะพวกเขาอยากสนุกสนานกับช่วงเวลาที่ยังเหลืออยู่”

สำหรับซิม ศาสนาคือศูนย์กลางของแรงบันดาลใจของเธอ แต่ขณะที่แม่ชีส่วนใหญ่จะสอนศาสนาด้วยวิธีตามประเพณีดั้งเดิมแท้ๆ เธอคิดว่าชั้นเรียนเทควันโดนี้เปิดโอกาสให้เธอได้สอนเด็กๆ ด้วยการทำตัวเป็นแบบอย่างแทน

กำลังโหลดความคิดเห็น