รอยเตอร์/เอเอฟพี - เกิดเหตุเรือผู้อพยพอับปางระหว่างเกาะซิซิลีของอิตาลีและตูนิเซียในวันศุกร์ (11) ผู้โดยสารหลายร้อยคนอยู่กลางทะเลโดยไม่ทราบชะตากรรม แต่เบื้องต้นสำนักข่าวแห่งรัฐ “อันซา” รายงานว่าพบเห็นศพผู้เสียชีวิตหลายสิบศพ
“มีคนอย่างต่ำ 200 คนอยู่กลางทะเล เฮคอปเตอร์หลายคำของเราถูกส่งไปช่วยเหลือพวกเขาแล้ว” โฆษกกองทัพเรืออิตาลีระบุ
ด้วยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบริเวณน่านน้ำของมอลตา ทางโฆษกของกองทัพเรือมอลตา จึงเผยว่าเจ้าหน้าที่ของพวกเขากำลังประสานงานปฏิบัติการกู้ภัยกับทางอิตาลี พร้อมทั้งจัดส่งเรือช่วยเหลือและเฮลิคอปเตอร์ไปยังจุดเกิดเหตุที่อยู่ไม่ห่างจากทางเหนือของประเทศแล้ว
โฆษกของกองทัพเรือของมอลตาเผยต่อว่า เรือลำนี้อับปางห่างจากชายฝั่งเมืองลัมเปดูซา ของอิตาลี แค่ราวๆ 120 กิโลเมตร และวางแผนเตรียมนำเหล่าผู้รอดชีวิตขึ้นไปยังเกาะดังกล่าว หลังจากเรือที่อับปางถูกพบเห็นโดยเครื่องบินทหารของมอลตา เวลาประมาณ 14.00 จีเอ็มที (ตรงกับเมืองไทย 21.00 น.) ซึ่งตอนนั้นก็ได้มีการให้ความช่วยเหลือขั้นต้นด้วยการทิ้งแพยางฉุกเฉินลงไป
ฟิลิปโป มารินี ผู้บังคับการยามชายฝั่งอิตาลี ยืนยันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า “มีซากเรือในเขตน่านน้ำของมอลตา เราได้รับความช่วยเหลือจากมอลตา แต่ตอนนี้ไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีผู้เสียชีวิตหรือไม่” อย่างไรก็ตามสำนักข่าวอันซา รายงานว่าพบเห็นศพกระจัดกระจายอยู่รอบๆ เรือ ด้วยคาดว่าอาจจะมากถึง 50 ศพ แต่ขณะเดียวกันผู้รอดชีวิตหลายสิบคนก็ได้รับความช่วยเหลือดึงขึ้นไปบนเรือของกองทัพเรืออิตาลีแล้ว
อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงสัปดาห์เศษ ตามหลังเรือบรรทุกผู้ลี้ภัยชาวเอริเทรีย และโซมาเลีย ไฟไหม้และอับปางใกล้เกาะลัมเปดูซา ทางตอนใต้ของอิตาลี คร่าอย่างน้อยๆ 319 ชีวิต
สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ระบุว่าเมื่อปีที่แล้วมีรายงานว่าประชาชนเกือบ 500 คน ต้องจบชีวิตหรือไม่ก็สูญหาย ขณะกำลังล่องเรือข้ามจากตูนิเซียมายังอิตาลี และจำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากนี้เป็นผลสืบเนื่องจากมีผู้อพยพหลายหมื่นคนหลบหนีสงครามกลางเมืองออกมาจากซีเรีย
การหลั่งไหลของแรงงานอพยพกลายเป็นปัญหาทางมนุษยธรรมและทางการเมืองต่อรัฐบาลอิตาลี ด้วยสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ บอกว่าเฉพาะแค่ปีที่แล้ว มีผู้ลี้ภัยเดินทางมาถึงอิตาลีกับมอลตา 13,200 คน และ 1,800 คนตามลำดับ