เอเอฟพี – มาลาลา ยูซาฟไซ เด็กหญิงชาวปากีสถานซึ่งได้รับการยกย่องในฐานะนักต่อสู้เพื่อสิทธิด้านการศึกษาของเยาวชน กล่าวต่อที่ประชุมในนครนิวยอร์ก วานนี้ (10) ว่า เธออยากโตขึ้นเป็น “นายกรัฐมนตรี” เพื่อปกป้องประเทศของเธอ
มาลาลา ให้สัมภาษณ์ต่อพิธีกรหญิง คริสเตียน อมันปูร์ จากสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ในเวทีเสวนาดังกล่าวว่า หากได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2013 ก็จะถือเป็น “เกียรติสูงสุด” สำหรับเธอ
เมื่อ อมันปูร์ ถามถึงความใฝ่ฝันของเธอที่อยากจะเป็นทั้งแพทย์และนักการเมือง รวมถึงคำถามที่ว่าเธอคิดที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีบ้างหรือไม่ มาลาลา ก็ให้คำตอบว่า เธออยากทำงานช่วยเหลือบ้านเกิดของตัวเอง
“หนูอยากเป็นนายกรัฐมนตรีปากีสถาน” เธอกล่าว ท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้องจากบรรดาผู้ฟัง
“หนูคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะถ้าเป็นนักการเมือง หนูก็จะสามารถช่วยเหลือประเทศชาติได้... หนูจะจัดสรรงบประมาณเพื่อการศึกษา และจะเน้นเรื่องกิจการต่างประเทศด้วย”
มาลาลา ถูกกลุ่มติดอาวุธตอลิบานดักยิงศีรษะในปากีสถาน เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ปีที่แล้ว เนื่องจากไม่พอใจที่เธอตำหนิการกระทำของตอลิบาน และยังเรียกร้องให้เด็กผู้หญิงได้มีสิทธิ์ไปโรงเรียน
หลังถูกส่งตัวไปรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในอังกฤษ มาลาลา ก็มีอาการดีขึ้นตามลำดับ และยังมีโอกาสเดินทางไปหลายประเทศในฐานะทูตด้านสิทธิเยาวชน
มาลาลา วัย 16 ปี ยังเขียนหนังสืออัตชีวประวัติของเธอเอง บอกเล่าเจตนารมณ์ของเธอบนเวทีสหประชาชาติ และจัดตั้งกองทุนมาลาลาเพื่อสนับสนุนการศึกษาของเด็กหญิงทั่วโลก
เมื่อวานนี้ (10) สภายุโรปได้มอบรางวัลด้านสิทธิมนุษยชน “ชาคารอฟ” แก่ มาลาลา ยูซาฟไซ โดยเธอยังเป็นตัวเต็งสำหรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปีนี้ด้วย
“ถ้าได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ มันคงเป็นเกียรติสูงสุด และมากเกินกว่าที่หนูสมควรได้รับด้วยซ้ำ” มาลาลา กล่าว
“รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพจะช่วยให้หนูเริ่มโครงการรณรงค์เพื่อการศึกษาสำหรับเด็กผู้หญิงได้”
อย่างไรก็ดี มาลาลา ชี้ว่ารางวัลที่แท้จริงสำหรับเธอคือการได้เห็นเยาวชนทุกคน ไม่ว่าผิวขาวหรือผิวสี คริสต์หรือมุสลิม ได้มีโอกาสไปโรงเรียนอย่างเท่าเทียมกัน “และหนูจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อสิ่งนั้น”