เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - สหราชอาณาจักรกำลังตกอยู่ภายใต้ “ภัยคุกคาม” จากการโจมตีของพวกอิสลามิสต์สุดโต่ง โดยเฉพาะพวกอิสลามิสต์ที่อาศัยอยู่ในเมืองผู้ดี ทั้งนี้ เป็นการออกโรงเตือนในวันอังคาร (8) ของผู้อำนวยการใหญ่หน่วยสืบราชการลับ “MI5”
แอนดรูว์ พาร์คเกอร์ ผู้อำนวยการใหญ่คนปัจจุบันของหน่วยข่าวกรอง Military Intelligence, Section 5 หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “MI5” ระบุระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก นับแต่เข้ามารับตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายน โดยระบุว่า สหราชอาณาจักรกำลังตกอยู่ภายใต้ภัยคุกคามจากการตกเป็นเป้าโจมตีของพวกอิสลามิสต์สุดโต่ง
พาร์คเกอร์ระบุว่า ข้อมูลข่าวกรองที่ MI5 มีอยู่ในมือเวลานี้ยืนยันได้ว่า พวกมุสลิมหัวรุนแรงที่มีแนวคิดแบบสุดขั้วจำนวนหลายพันคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วสหราชอาณาจักร มีศักยภาพที่จะก่อการโจมตีต่อเป้าหมายต่างๆ ในประเทศได้ ทั้งเป้าหมายที่เป็นสถานที่สำคัญ หรืออาจก่อการโจมตีที่ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
ผู้อำนวยการหน่วยสืบราชการลับภายในประเทศของอังกฤษชี้ว่า กลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ และเครือข่ายที่มีอยู่ ทั้งในปากีสถานและเยเมนในเวลานี้ ตลอดจนกลุ่มติดอาวุธของพวกมุสลิมซุนนีหัวรุนแรงในซีเรีย ถือเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อความมั่นคงของสหราชอาณาจักรเช่นกัน พร้อมเตือนว่าการก่อเหตุร้ายของกลุ่มก่อการร้ายนอกประเทศเหล่านี้ อาจกระตุ้นให้เกิดการ “ลอกเลียนแบบ” จากพวกมุสลิมหัวรุนแรงในเมืองผู้ดี
พาร์คเกอร์เผยว่า นับตั้งแต่เหตุก่อวินาศกรรมในสหรัฐฯเมื่อวันที่ 11 กันยายนปี 2001 จนถึงสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีผู้ที่ถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายในสหราชอาณาจักรไปแล้วถึง 330 คน และมีแนวโน้มที่ผู้กระทำผิดในคดีที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายในเมืองผู้ดีจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้หน่วยงานด้านข่าวกรองและความมั่นคงของเมืองผู้ดีต้องดำเนินทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อสกัดกั้นภัยคุกคามนี้ รวมถึงการหาทางเข้าถึงเครือข่ายการสื่อสารที่พวกหัวรุนแรงใช้
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทยของสหราชอาณาจักร ระบุว่า ประชากรมุสลิมในประเทศได้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 2.7 ล้านคน หรือราว 4.8 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดของสหราชอาณาจักร และชาวมุสลิมส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในอังกฤษ และในแคว้นเวลส์ มากกว่าที่จะไปตั้งรกรากอยู่ในสกอตแลนด์และไอร์แลนด์เหนือ