รอยเตอร์ - วิกฤตอาหารเมื่อ 5 ปีที่แล้วยังตามหลอกหลอนเอเชีย ส่งผลให้หลายประเทศเดินหน้าสำรองธัญญาหารแม้มีปัญหาในการจัดเก็บและงบประมาณตึงตัว รวมทั้งมีสต๊อกรวมกันมากพอเลี้ยงคนจีนทั่วประเทศนานถึง 8 เดือนแล้ว ส่วนสำหรับไทยนั้นเตรียมสต๊อกข้าวเพิ่มอีก 10 ล้านตันสิ้นปีนี้ ทั้งที่ยังมีคั่งค้างจากโครงการรับจำนำอยู่ถึง 16 ล้านตัน หรือครึ่งหนึ่งของปริมาณการซื้อขายทั่วโลกในแต่ละปี
อย่างไรก็ตาม ข้อดีของแนวโน้มนี้ก็คือ ช่วยกระตุ้นราคาให้กระเตื้องขึ้น จากที่ก่อนหน้านี้ทรุดลงเพราะคาดการณ์กันว่าผลผลิตธัญญาหารอุดมสมบูรณ์
แอ็บโดลีซา แอ็บบัสเซียน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) ซึ่งตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงโรม ชี้ว่า พวกประเทศที่มีประชากรหนาแน่นที่สุด โดยเฉพาะในเอเชียยังคงลังเลอย่างมากที่จะปล่อยให้ปริมาณธัญญาหารคงคลังลดต่ำลง
“บทเรียนที่ได้มาทั้งจากช่วงทศวรรษ 1990 และช่วงปี 2007-2008 จะโน้มน้าวให้บรรดาผู้วางนโยบายเชื่อว่า ในเรื่องความมั่นคงด้านอาหารนั้น ไม่อาจไว้วางใจตลาดระหว่างประเทศได้ 100%”
ด้วยเหตุนี้ประเทศผู้นำเข้าธัญญาหารในเอเชียจึงพากันกักตุนข้าวรวมกันถึง 100 ล้านตัน และข้าวสาลี 90 ล้านตัน นับตั้งแต่ที่ต้องเผชิญปัญหาราคาราคาธัญพืชพุ่งทะยานในปี 2008 สืบเนื่องจากปัจจัยหลายๆ ประการ ทั้งการที่ราคาน้ำมันแพง สภาพอากาศเลวร้าย และความต้องการเชื้อเพลิงชีวภาพที่เพิ่มขึ้น
ตอนนั้นอินเดียซึ่งหวั่นเกรงการขาดแคลนภายในประเทศ ถึงขั้นประกาศระงับการส่งออกข้าว ขณะที่ราคาข้าวในตลาดโลกพุ่งทำสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ตันละ 1,050 ดอลลาร์ ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ของแดนภารตะ ยังกระตุ้นให้ประเทศผู้ผลิตข้าวอื่นๆ ดำเนินรอยตาม ส่วนประเทศผู้นำเข้าอย่างฟิลิปปินส์ก็เกิดความแตกตื่นเร่งรีบสั่งซื้อ
อย่างไรก็ตาม อินเดียถูกบีบให้ส่งออกธัญญาหารอีกครั้งในปี 2011 หลังจากภาพข้าวสาลีและข้าวเน่ากลางสนามเปิดโล่งถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก แต่ความที่ไม่เต็มใจขายจึงทำให้สต็อกข้าวในโกดังของรัฐยังปักหลักอยู่ที่ 21 ล้านตัน ณ วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา เทียบกับเป้าหมายของทางการซึ่งตั้งไว้ที่ 9.8 ล้านตันเท่านั้น ทั้งนี้ เป็นผลจากปริมาณฝนที่อุดมสมบูรณ์ 4 ปีติดต่อกัน สำหรับสต็อกข้าวสาลีนั้นอยู่ที่ 38 ล้านตัน จากเป้าหมายที่ต้องการให้ลดเหลือ 17.1 ล้านตัน
นักวิเคระห์ในเมลเบิร์นเชื่อว่า ชาติเอเชียที่มีประชากรหนาแน่นจะไม่ยอมลดสต็อกอาหารจนกว่าจะเห็นปริมาณธัญญาหารคงเหลือในประเทศผู้ส่งออกสำคัญ เช่น อเมริกา ออสเตรเลีย และรัสเซีย เพิ่มขึ้น
ช่วง 6 ปีที่ผ่านมา อุปทานธัญญาหารโลกตึงตัวมาตลอด เนื่องจากต้องเผชิญวิกฤตครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งรวมถึงภาวะแห้งแล้งรุนแรงในอเมริกา บราซิล และอาร์เจนตินาในปี 2012 ส่งผลให้อเมริกาที่เป็นผู้ส่งออกข้าวโพดรายใหญ่ มีสต็อกต่ำสุดในรอบ 16 ปีเมื่อสิ้นสุดเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
เช่นเดียวกัน ออสเตรเลีย ผู้ส่งออกข้าวสาลีอันดับ 2 มีข้าวสาลีคงคลัง 3.7 ล้านตัน ณ สิ้นเดือนกันยายน หรือครึ่งเดียวของสต็อกเมื่อปีที่แล้ว
สถานการณ์การสำรองธัญญาหารในเอเชียมีแนวโน้มเลวร้ายลงเนื่องจากสภาพอากาศที่เกือบสมบูรณ์แบบที่สุดที่ชักชวนให้ประเทศต่างๆ พากันกักตุนธัญญาหาร
ตัวอย่างเช่นอินเดียที่จัดเก็บข้าวและข้าวสาลีราว 12 ล้านตันในพื้นที่โล่งและคลุมด้วยผ้าใบเท่านั้น จะสต็อกข้าวเพิ่ม 30 ล้านตัน ณ สิ้นปีนี้
สำหรับไทย รัฐบาลได้ขยายโครงการรับจำนำข้าวเป็นปีที่ 3 และโครงการประชานิยมนี้จะทำให้สต็อกข้าว ณ สิ้นปีปัจจุบันเพิ่มขึ้นอีกราว 10 ล้านตัน จากที่มีอยู่ 16 ล้านตันในขณะนี้ หรือครึ่งหนึ่งของปริมาณการซื้อขายทั่วโลกต่อปี โดยขณะนี้รัฐบาลกำลังพิจารณาเช่าโรงเก็บเครื่องบินของกองทัพอากาศเพื่อใช้เป็นโกดังเก็บข้าวเนื่องจากพื้นที่เก็บข้าวของโครงการรับจำนำข้าวไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไป
ส่วนจีนถูกคาดหมายว่าจะซื้อข้าวสาลี 9.5 ล้านตันในปีงบประมาณที่สิ้นสุดเดือนมิถุนายน ศกหน้า
ที่ฟิลิปปินส์ ออร์ลัน คาลายัก ผู้บริหารสำนักงานอาหารแห่งชาติเผยว่า รัฐบาลมีแผนปรับปรุงและเพิ่มศักยภาพการจัดเก็บเพื่อความมั่นคงด้านอาหารและราคาที่มีเสถียรภาพ